วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2568

"ดร.สำราญ-เอไอ" แนะแนวทางร่าง"รัฐธรรมนูญสีไทย" สะท้อนจิตวิญญาณความเป็นไทย


วันที่ 15 ตุลาคม 2568 — ดร.สำราญ สมพงษ์ นักวิชาการอิสระด้านพุทธสันติวิธี เปิดเผยผลการวิเคราะห์ร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เรื่อง “แนวทางการร่างรัฐธรรมนูญไทยให้ถึงจิตวิญญาณของประชาชนไทยตามคิดไทย” โดยชี้ว่า รัฐธรรมนูญไทยที่ผ่านมาเป็น “รัฐธรรมนูญของผู้มีอำนาจ” มากกว่าจะเป็น “รัฐธรรมนูญของประชาชน” พร้อมเสนอแนวคิด “รัฐธรรมนูญจิตใจ” ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางจิตวิญญาณ ศีลธรรม และวัฒนธรรมความเป็นไทยควบคู่กับหลักประชาธิปไตย

ดร.สำราญ ระบุว่า การร่างรัฐธรรมนูญไทยในอนาคตควรมุ่ง “เรียบเรียงจิตวิญญาณของสังคม” มากกว่าการเขียนกฎหมาย เพราะรัฐธรรมนูญที่แท้จริงต้องสะท้อนคุณค่าพื้นฐานของคนไทย ทั้งความเมตตา ความสมานฉันท์ ความกตัญญู ความเชื่อในศีลธรรม และความเป็นชุมชน ซึ่งเป็นจิตวิญญาณที่อยู่ในรากวัฒนธรรมไทยมาอย่างยาวนาน

“รัฐธรรมนูญที่ถึงจิตวิญญาณของประชาชน ไม่ใช่เพียงเอกสารที่อยู่บนกระดาษ แต่คือสิ่งที่ประชาชนถือไว้ในใจ เป็นจิตสำนึกร่วมทางศีลธรรมและความรับผิดชอบต่อส่วนรวม” ดร.สำราญ กล่าว


5 หลักคิดร่างรัฐธรรมนูญตามแนวคิดไทย

จากการวิเคราะห์ร่วมกับเอไอ ดร.สำราญเสนอหลักการสำคัญ 5 ประการในการร่างรัฐธรรมนูญที่สอดคล้องกับ “คิดไทย” ได้แก่

  1. หลักประชาธิปไตยแบบพอเพียง (Sufficiency Democracy)
    นำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ในทางการเมือง มุ่งสร้างประชาธิปไตยที่เติบโตอย่างสมดุล เน้นความรับผิดชอบและพัฒนาจิตใจของประชาชนควบคู่ไปกับโครงสร้างทางการเมือง

  2. หลักธรรมาภิบาลเชิงพุทธ (Buddhist Good Governance)
    ผู้นำทุกระดับควรยึดหลักทศพิธราชธรรมและอปริหานิยธรรม เพื่อให้การใช้อำนาจมีกรอบทางศีลธรรมและคุณธรรม

  3. หลักการมีส่วนร่วมเชิงชุมชน (Community-based Participation)
    เปิดโอกาสให้ประชาชน โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการร่างกฎหมายและตรวจสอบอำนาจรัฐ ผ่านสภาชุมชนหรือสภาประชาชนท้องถิ่นที่มีอำนาจจริง

  4. หลักสมดุลระหว่างอำนาจรัฐกับศีลธรรมสาธารณะ
    เสนอให้มีองค์กรตรวจสอบจริยธรรมแห่งชาติ เพื่อกำกับให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใช้อำนาจโดยยึดคุณธรรมเป็นหลัก

  5. หลักพัฒนาจิตใจพลเมือง (Civic Spirituality)
    ส่งเสริมการศึกษาแบบองค์รวมที่เน้นการฝึกจิตใจให้มีวินัย เคารพสิทธิผู้อื่น และเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์


กลไกเชิงโครงสร้างเพื่อปลูกฝังจิตวิญญาณรัฐธรรมนูญ

เพื่อให้รัฐธรรมนูญ “มีชีวิต” และฝังรากในใจประชาชน ดร.สำราญเสนอให้สร้างกลไก 4 ประการ ได้แก่

  1. บรรจุ “รัฐธรรมนูญศึกษาเชิงคุณธรรม” ในหลักสูตรการศึกษา

  2. กำหนด “วันรัฐธรรมนูญเชิงจิตวิญญาณ” เพื่อรำลึกความหมายแห่งเสรีภาพและความรับผิดชอบ

  3. จัดตั้ง “เวทีสนทนาประชาชน” (People’s Forum) เพื่อเปิดพื้นที่ถกเถียงอย่างสันติ

  4. จัดตั้ง “ศาลรัฐธรรมนูญจริยธรรม” เพื่อพิจารณาคดีโดยยึดหลักความยุติธรรมเชิงศีลธรรม ไม่ใช่เพียงตัวบทกฎหมาย


เชื่อรัฐธรรมนูญจิตใจคือรากฐานประชาธิปไตยที่แท้จริง

ดร.สำราญย้ำว่า รัฐธรรมนูญที่ดีในทางเอกสารเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่สิ่งที่จะทำให้รัฐธรรมนูญอยู่รอดได้คือ “จิตสำนึกทางประชาธิปไตย” ของประชาชนและผู้นำ หากทุกคนเห็นคุณค่าของความยุติธรรม ความเมตตา และความรับผิดชอบต่อส่วนรวม รัฐธรรมนูญใด ๆ ก็จะกลายเป็น “รัฐธรรมนูญจิตใจ” โดยอัตโนมัติ

ทั้งนี้ แนวคิดดังกล่าวได้รับการสรุปเป็นบทความทางวิชาการเรื่อง “การวิเคราะห์แนวคิดรัฐธรรมนูญจิตใจในบริบทการเมืองไทย” ซึ่งชี้ว่ารัฐธรรมนูญมิใช่เพียงเครื่องมือจัดระเบียบอำนาจ แต่เป็น “สัญญาทางใจ” ระหว่างรัฐกับประชาชน ที่สะท้อนระดับความเข้าใจร่วมในประชาธิปไตย

แนวทางการร่างรัฐธรรมนูญไทยให้ถึงจิตวิญญาณของประชาชนไทยตามคิดไทย

1. บทนำ

ปัญหาสำคัญของรัฐธรรมนูญไทยตลอดหลายทศวรรษ คือ การเป็น “รัฐธรรมนูญของผู้มีอำนาจ” มากกว่าการเป็น “รัฐธรรมนูญของประชาชน” แม้หลายฉบับจะถูกประกาศว่า “ให้ประชาชนมีส่วนร่วม” แต่ในทางปฏิบัติกลับสะท้อนเจตจำนงของกลุ่มอำนาจทางการเมืองมากกว่าจิตวิญญาณของสังคมไทยโดยรวม

ดังนั้น การร่างรัฐธรรมนูญให้ถึงจิตวิญญาณของประชาชนไทย ต้องไม่เพียงเป็นการเขียนกฎหมาย แต่เป็นการ “เรียบเรียงจิตวิญญาณของสังคม” — ให้กฎหมายสูงสุดสะท้อนความเป็นไทยในแง่ของคุณค่า ศีลธรรม วัฒนธรรม และความเป็นชุมชน


2. ความหมายของ “จิตวิญญาณของประชาชนไทย”

คำว่า “จิตวิญญาณของประชาชนไทย” หมายถึงชุดของคุณค่าที่คนไทยโดยทั่วไปยึดถือและถ่ายทอดต่อกันมา ได้แก่

  1. ความเมตตาและเอื้อเฟื้อ (Compassion) — สะท้อนผ่านแนวคิด “น้ำใจไทย”

  2. ความสมานฉันท์และการอยู่ร่วมกัน (Harmony) — การให้ความสำคัญกับความสงบเรียบร้อยและการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งรุนแรง

  3. ความกตัญญูและการเคารพผู้ใหญ่ (Respect and Gratitude) — ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับโครงสร้างอำนาจทางสังคม

  4. ความเชื่อในความดีและศีลธรรม (Moral Faith) — มิติทางพุทธจิตที่มองว่า “ความชอบธรรม” ของอำนาจเกิดจากคุณธรรม

  5. ความเป็นชุมชน (Communitarianism) — การมองว่าชุมชนคือศูนย์กลางของชีวิต ไม่ใช่ปัจเจกชนโดดเดี่ยว

จิตวิญญาณเหล่านี้หากถอดออกมาในเชิงรัฐธรรมนูญ ก็จะกลายเป็น “คุณค่าพื้นฐานของชาติ” ที่เป็นรากของทุกมาตรา


3. หลักการร่างรัฐธรรมนูญตามคิดไทย

การร่างรัฐธรรมนูญให้ถึงจิตวิญญาณไทย ควรตั้งอยู่บนหลัก 5 ประการดังนี้

3.1 หลักประชาธิปไตยแบบพอเพียง (Sufficiency Democracy)

นำแนวคิด เศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ในทางการเมือง หมายถึงประชาธิปไตยที่เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป เน้นความรับผิดชอบ ความรู้เท่าทัน และการพัฒนาจิตใจควบคู่กับโครงสร้าง

3.2 หลักธรรมาภิบาลเชิงพุทธ (Buddhist Good Governance)

รัฐธรรมนูญควรกำหนดให้ผู้นำทุกระดับต้องปฏิบัติตามหลัก “ทศพิธราชธรรม” หรือ “หลักอปริหานิยธรรม” เพื่อให้การใช้อำนาจมีกรอบทางศีลธรรม

3.3 หลักการมีส่วนร่วมเชิงชุมชน (Community-based Participation)

เปิดโอกาสให้ประชาชนในทุกระดับ โดยเฉพาะท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการร่างและตรวจสอบกฎหมาย — ผ่าน “สภาชุมชน” หรือ “สภาประชาชนท้องถิ่น” ที่มีอำนาจจริงในการเสนอร่างกฎหมายหรือยับยั้งการใช้อำนาจรัฐที่ละเมิดหลักจริยธรรม

3.4 หลักการสร้างสมดุลระหว่างอำนาจรัฐกับศีลธรรมสาธารณะ

รัฐธรรมนูญควรกำหนดให้ “คุณธรรม” เป็นรากฐานของการใช้อำนาจ เช่น ให้มีองค์กรจริยธรรมแห่งชาติที่ตรวจสอบคุณธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

3.5 หลักการพัฒนาจิตใจพลเมือง (Civic Spirituality)

ให้รัฐธรรมนูญส่งเสริมการศึกษาแบบองค์รวม — ไม่ใช่แค่ความรู้ทางวิชาการ แต่รวมถึง “การฝึกจิตใจของประชาชนให้มีวินัย เคารพสิทธิผู้อื่น และเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์”


4. กลไกเชิงโครงสร้างในการปลูกฝังจิตวิญญาณรัฐธรรมนูญ

เพื่อให้รัฐธรรมนูญมีชีวิตและฝังรากในใจประชาชน ต้องมีกลไกสนับสนุน เช่น

  • (1) สถาบันการศึกษาต้องสอน “รัฐธรรมนูญศึกษาเชิงคุณธรรม” ตั้งแต่ระดับประถม

  • (2) มี “วันรัฐธรรมนูญเชิงจิตวิญญาณ” เพื่อรำลึกถึงความหมายของเสรีภาพและความรับผิดชอบ

  • (3) สร้างเวทีสนทนาประชาชน (People’s Forum) ให้คนทุกกลุ่มได้ถกเถียงและเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน

  • (4) มี “ศาลรัฐธรรมนูญจริยธรรม” ที่ตีความรัฐธรรมนูญโดยยึดหลักความยุติธรรมและศีลธรรม ไม่ใช่เพียงตัวบทกฎหมาย


5. บทสรุป

รัฐธรรมนูญที่ถึงจิตวิญญาณของประชาชนไทย จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกระบวนการร่างไม่ใช่เพียงการร่างเอกสาร แต่เป็นการ “สร้างจิตสำนึกใหม่ร่วมกันของชาติ”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง รัฐธรรมนูญที่แท้ไม่ใช่เพียงสิ่งที่อยู่บนกระดาษ แต่คือสิ่งที่ “ประชาชนทุกคนถือไว้ในใจ” — เมื่อคนไทยทุกคนเห็นคุณค่าของความยุติธรรม ความเมตตา และความรับผิดชอบต่อส่วนรวม รัฐธรรมนูญฉบับใดก็จะกลายเป็น “รัฐธรรมนูญจิตใจ” โดยอัตโนมัติ

บทความทางวิชาการ

เรื่อง: การวิเคราะห์แนวคิด “รัฐธรรมนูญจิตใจ” ในบริบทการเมืองไทย

บทคัดย่อ

แนวคิด “รัฐธรรมนูญจิตใจ” เป็นการมองรัฐธรรมนูญไม่ใช่เพียงเอกสารทางกฎหมายสูงสุดของประเทศ แต่ยังสะท้อนระบบคุณค่า ความเชื่อ และจิตสำนึกทางการเมืองของสังคม บทความนี้มุ่งวิเคราะห์ว่ารัฐธรรมนูญจิตใจหมายถึงอะไร มีที่มาทางแนวคิดอย่างไร และสะท้อนหรือขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญฉบับลายลักษณ์อักษรในสังคมไทยอย่างไร โดยใช้กรอบแนวคิดจิตวิทยาการเมืองและวัฒนธรรมทางการเมืองไทยเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์

1. บทนำ

รัฐธรรมนูญในความหมายทั่วไป คือกฎหมายสูงสุดของประเทศที่กำหนดโครงสร้างอำนาจรัฐ สิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่ของประชาชน แต่ในอีกมิติหนึ่ง รัฐธรรมนูญยังสามารถถูกมองว่าเป็น “สัญญาทางใจ” ระหว่างรัฐและประชาชน ซึ่งสะท้อนถึงระดับของความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และความเข้าใจร่วมกันในหลักการประชาธิปไตย แนวคิด “รัฐธรรมนูญจิตใจ” (Moral or Psychological Constitution) จึงเป็นการขยายความหมายของรัฐธรรมนูญให้ลึกไปถึงระดับจิตสำนึกของพลเมืองและผู้นำ

2. ความหมายและพัฒนาการของแนวคิด “รัฐธรรมนูญจิตใจ”

แนวคิดนี้มีรากฐานในทฤษฎีจิตวิทยาการเมือง ซึ่งเชื่อว่า พฤติกรรมทางการเมืองของบุคคลสะท้อนจาก “โครงสร้างจิตใจทางการเมือง” (Political Mindset) หากประชาชนมีจิตสำนึกเคารพกฎหมายและเห็นคุณค่าของสิทธิเสรีภาพ รัฐธรรมนูญฉบับใดก็สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง ตรงกันข้าม หากสังคมขาดจิตสำนึกทางประชาธิปไตย แม้รัฐธรรมนูญจะเขียนไว้อย่างดี ก็ไม่สามารถสร้างความยั่งยืนทางการเมืองได้

ในบริบทไทย แนวคิด “รัฐธรรมนูญจิตใจ” มักถูกหยิบยกขึ้นมาเมื่อเกิดวิกฤติศรัทธาต่อรัฐธรรมนูญฉบับลายลักษณ์อักษร เช่น หลังการรัฐประหารหลายครั้งในประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า “รัฐธรรมนูญที่แท้จริงอยู่ในเอกสารหรืออยู่ในใจของคนไทย”

3. การวิเคราะห์เชิงจิตวิทยาการเมือง

รัฐธรรมนูญจิตใจสะท้อนถึงระดับพัฒนาการทางจิตสำนึกของสังคม ในแง่ของ

  • จิตสำนึกพลเมือง (Civic Consciousness): การเข้าใจสิทธิ หน้าที่ และการเคารพเสียงส่วนใหญ่โดยไม่ละเมิดเสียงส่วนน้อย

  • จิตสำนึกผู้นำ (Leadership Ethics): ความเข้าใจในอำนาจว่าเป็นเครื่องมือเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อการคงอำนาจของตน

  • จิตสำนึกทางศีลธรรมการเมือง (Political Morality): ความซื่อสัตย์ โปร่งใส และเคารพหลักนิติธรรม

4. รัฐธรรมนูญจิตใจกับวัฒนธรรมทางการเมืองไทย

สังคมไทยมีวัฒนธรรมการเมืองที่ผสมผสานระหว่างความเป็นอุปถัมภ์และการเคารพอำนาจ ซึ่งบางครั้งขัดแย้งกับหลักการประชาธิปไตยสมัยใหม่ การสร้าง “รัฐธรรมนูญจิตใจ” จึงไม่อาจเกิดขึ้นได้เพียงจากการร่างเอกสาร แต่ต้องมาจากการหล่อหลอมทางสังคม การศึกษา และวัฒนธรรมทางการเมืองที่ปลูกฝังความเป็นเจ้าของอำนาจร่วมกัน

5. บทสรุป

รัฐธรรมนูญจิตใจคือรากฐานของประชาธิปไตยที่แท้จริง การมีรัฐธรรมนูญที่ดีในทางเอกสารเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่การปลูกฝังจิตสำนึกทางประชาธิปไตยให้ฝังแน่นในใจของประชาชนและผู้นำ คือสิ่งที่จะทำให้รัฐธรรมนูญ “มีชีวิต” และดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน

เอกสารอ้างอิง (ตัวอย่าง)

  • Almond, G. & Verba, S. (1963). The Civic Culture: Political Attitudes and Democracy in Five Nations. Princeton University Press.

  • มารุต บุญจิตรานนท์. (2555). วัฒนธรรมทางการเมืองไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

  • พรสวรรค์ กิตติยารักษ์. (2561). “รัฐธรรมนูญในใจคนไทย: การวิเคราะห์เชิงจิตวิทยาการเมือง.” วารสารรัฐศาสตร์ไทย, 14(2), 45–68.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...