วันที่ 15 ตุลาคม 2568 — ดร.สำราญ สมพงษ์ นักวิชาการอิสระด้านพุทธสันติวิธี เปิดเผยผลการวิเคราะห์ร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เรื่อง “แนวทางการร่างรัฐธรรมนูญไทยให้ถึงจิตวิญญาณของประชาชนไทยตามคิดไทย” โดยชี้ว่า รัฐธรรมนูญไทยที่ผ่านมาเป็น “รัฐธรรมนูญของผู้มีอำนาจ” มากกว่าจะเป็น “รัฐธรรมนูญของประชาชน” พร้อมเสนอแนวคิด “รัฐธรรมนูญจิตใจ” ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางจิตวิญญาณ ศีลธรรม และวัฒนธรรมความเป็นไทยควบคู่กับหลักประชาธิปไตย
ดร.สำราญ ระบุว่า การร่างรัฐธรรมนูญไทยในอนาคตควรมุ่ง “เรียบเรียงจิตวิญญาณของสังคม” มากกว่าการเขียนกฎหมาย เพราะรัฐธรรมนูญที่แท้จริงต้องสะท้อนคุณค่าพื้นฐานของคนไทย ทั้งความเมตตา ความสมานฉันท์ ความกตัญญู ความเชื่อในศีลธรรม และความเป็นชุมชน ซึ่งเป็นจิตวิญญาณที่อยู่ในรากวัฒนธรรมไทยมาอย่างยาวนาน
“รัฐธรรมนูญที่ถึงจิตวิญญาณของประชาชน ไม่ใช่เพียงเอกสารที่อยู่บนกระดาษ แต่คือสิ่งที่ประชาชนถือไว้ในใจ เป็นจิตสำนึกร่วมทางศีลธรรมและความรับผิดชอบต่อส่วนรวม” ดร.สำราญ กล่าว
5 หลักคิดร่างรัฐธรรมนูญตามแนวคิดไทย
จากการวิเคราะห์ร่วมกับเอไอ ดร.สำราญเสนอหลักการสำคัญ 5 ประการในการร่างรัฐธรรมนูญที่สอดคล้องกับ “คิดไทย” ได้แก่
-
หลักประชาธิปไตยแบบพอเพียง (Sufficiency Democracy)
นำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ในทางการเมือง มุ่งสร้างประชาธิปไตยที่เติบโตอย่างสมดุล เน้นความรับผิดชอบและพัฒนาจิตใจของประชาชนควบคู่ไปกับโครงสร้างทางการเมือง -
หลักธรรมาภิบาลเชิงพุทธ (Buddhist Good Governance)
ผู้นำทุกระดับควรยึดหลักทศพิธราชธรรมและอปริหานิยธรรม เพื่อให้การใช้อำนาจมีกรอบทางศีลธรรมและคุณธรรม -
หลักการมีส่วนร่วมเชิงชุมชน (Community-based Participation)
เปิดโอกาสให้ประชาชน โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการร่างกฎหมายและตรวจสอบอำนาจรัฐ ผ่านสภาชุมชนหรือสภาประชาชนท้องถิ่นที่มีอำนาจจริง -
หลักสมดุลระหว่างอำนาจรัฐกับศีลธรรมสาธารณะ
เสนอให้มีองค์กรตรวจสอบจริยธรรมแห่งชาติ เพื่อกำกับให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใช้อำนาจโดยยึดคุณธรรมเป็นหลัก -
หลักพัฒนาจิตใจพลเมือง (Civic Spirituality)
ส่งเสริมการศึกษาแบบองค์รวมที่เน้นการฝึกจิตใจให้มีวินัย เคารพสิทธิผู้อื่น และเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์
กลไกเชิงโครงสร้างเพื่อปลูกฝังจิตวิญญาณรัฐธรรมนูญ
เพื่อให้รัฐธรรมนูญ “มีชีวิต” และฝังรากในใจประชาชน ดร.สำราญเสนอให้สร้างกลไก 4 ประการ ได้แก่
-
บรรจุ “รัฐธรรมนูญศึกษาเชิงคุณธรรม” ในหลักสูตรการศึกษา
-
กำหนด “วันรัฐธรรมนูญเชิงจิตวิญญาณ” เพื่อรำลึกความหมายแห่งเสรีภาพและความรับผิดชอบ
-
จัดตั้ง “เวทีสนทนาประชาชน” (People’s Forum) เพื่อเปิดพื้นที่ถกเถียงอย่างสันติ
-
จัดตั้ง “ศาลรัฐธรรมนูญจริยธรรม” เพื่อพิจารณาคดีโดยยึดหลักความยุติธรรมเชิงศีลธรรม ไม่ใช่เพียงตัวบทกฎหมาย
เชื่อรัฐธรรมนูญจิตใจคือรากฐานประชาธิปไตยที่แท้จริง
ดร.สำราญย้ำว่า รัฐธรรมนูญที่ดีในทางเอกสารเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่สิ่งที่จะทำให้รัฐธรรมนูญอยู่รอดได้คือ “จิตสำนึกทางประชาธิปไตย” ของประชาชนและผู้นำ หากทุกคนเห็นคุณค่าของความยุติธรรม ความเมตตา และความรับผิดชอบต่อส่วนรวม รัฐธรรมนูญใด ๆ ก็จะกลายเป็น “รัฐธรรมนูญจิตใจ” โดยอัตโนมัติ
ทั้งนี้ แนวคิดดังกล่าวได้รับการสรุปเป็นบทความทางวิชาการเรื่อง “การวิเคราะห์แนวคิดรัฐธรรมนูญจิตใจในบริบทการเมืองไทย” ซึ่งชี้ว่ารัฐธรรมนูญมิใช่เพียงเครื่องมือจัดระเบียบอำนาจ แต่เป็น “สัญญาทางใจ” ระหว่างรัฐกับประชาชน ที่สะท้อนระดับความเข้าใจร่วมในประชาธิปไตย
แนวทางการร่างรัฐธรรมนูญไทยให้ถึงจิตวิญญาณของประชาชนไทยตามคิดไทย
1. บทนำ
ปัญหาสำคัญของรัฐธรรมนูญไทยตลอดหลายทศวรรษ คือ การเป็น “รัฐธรรมนูญของผู้มีอำนาจ” มากกว่าการเป็น “รัฐธรรมนูญของประชาชน” แม้หลายฉบับจะถูกประกาศว่า “ให้ประชาชนมีส่วนร่วม” แต่ในทางปฏิบัติกลับสะท้อนเจตจำนงของกลุ่มอำนาจทางการเมืองมากกว่าจิตวิญญาณของสังคมไทยโดยรวม
ดังนั้น การร่างรัฐธรรมนูญให้ถึงจิตวิญญาณของประชาชนไทย ต้องไม่เพียงเป็นการเขียนกฎหมาย แต่เป็นการ “เรียบเรียงจิตวิญญาณของสังคม” — ให้กฎหมายสูงสุดสะท้อนความเป็นไทยในแง่ของคุณค่า ศีลธรรม วัฒนธรรม และความเป็นชุมชน
2. ความหมายของ “จิตวิญญาณของประชาชนไทย”
คำว่า “จิตวิญญาณของประชาชนไทย” หมายถึงชุดของคุณค่าที่คนไทยโดยทั่วไปยึดถือและถ่ายทอดต่อกันมา ได้แก่
-
ความเมตตาและเอื้อเฟื้อ (Compassion) — สะท้อนผ่านแนวคิด “น้ำใจไทย”
-
ความสมานฉันท์และการอยู่ร่วมกัน (Harmony) — การให้ความสำคัญกับความสงบเรียบร้อยและการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งรุนแรง
-
ความกตัญญูและการเคารพผู้ใหญ่ (Respect and Gratitude) — ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับโครงสร้างอำนาจทางสังคม
-
ความเชื่อในความดีและศีลธรรม (Moral Faith) — มิติทางพุทธจิตที่มองว่า “ความชอบธรรม” ของอำนาจเกิดจากคุณธรรม
-
ความเป็นชุมชน (Communitarianism) — การมองว่าชุมชนคือศูนย์กลางของชีวิต ไม่ใช่ปัจเจกชนโดดเดี่ยว
จิตวิญญาณเหล่านี้หากถอดออกมาในเชิงรัฐธรรมนูญ ก็จะกลายเป็น “คุณค่าพื้นฐานของชาติ” ที่เป็นรากของทุกมาตรา
3. หลักการร่างรัฐธรรมนูญตามคิดไทย
การร่างรัฐธรรมนูญให้ถึงจิตวิญญาณไทย ควรตั้งอยู่บนหลัก 5 ประการดังนี้
3.1 หลักประชาธิปไตยแบบพอเพียง (Sufficiency Democracy)
นำแนวคิด เศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ในทางการเมือง หมายถึงประชาธิปไตยที่เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป เน้นความรับผิดชอบ ความรู้เท่าทัน และการพัฒนาจิตใจควบคู่กับโครงสร้าง
3.2 หลักธรรมาภิบาลเชิงพุทธ (Buddhist Good Governance)
รัฐธรรมนูญควรกำหนดให้ผู้นำทุกระดับต้องปฏิบัติตามหลัก “ทศพิธราชธรรม” หรือ “หลักอปริหานิยธรรม” เพื่อให้การใช้อำนาจมีกรอบทางศีลธรรม
3.3 หลักการมีส่วนร่วมเชิงชุมชน (Community-based Participation)
เปิดโอกาสให้ประชาชนในทุกระดับ โดยเฉพาะท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการร่างและตรวจสอบกฎหมาย — ผ่าน “สภาชุมชน” หรือ “สภาประชาชนท้องถิ่น” ที่มีอำนาจจริงในการเสนอร่างกฎหมายหรือยับยั้งการใช้อำนาจรัฐที่ละเมิดหลักจริยธรรม
3.4 หลักการสร้างสมดุลระหว่างอำนาจรัฐกับศีลธรรมสาธารณะ
รัฐธรรมนูญควรกำหนดให้ “คุณธรรม” เป็นรากฐานของการใช้อำนาจ เช่น ให้มีองค์กรจริยธรรมแห่งชาติที่ตรวจสอบคุณธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
3.5 หลักการพัฒนาจิตใจพลเมือง (Civic Spirituality)
ให้รัฐธรรมนูญส่งเสริมการศึกษาแบบองค์รวม — ไม่ใช่แค่ความรู้ทางวิชาการ แต่รวมถึง “การฝึกจิตใจของประชาชนให้มีวินัย เคารพสิทธิผู้อื่น และเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์”
4. กลไกเชิงโครงสร้างในการปลูกฝังจิตวิญญาณรัฐธรรมนูญ
เพื่อให้รัฐธรรมนูญมีชีวิตและฝังรากในใจประชาชน ต้องมีกลไกสนับสนุน เช่น
-
(1) สถาบันการศึกษาต้องสอน “รัฐธรรมนูญศึกษาเชิงคุณธรรม” ตั้งแต่ระดับประถม
-
(2) มี “วันรัฐธรรมนูญเชิงจิตวิญญาณ” เพื่อรำลึกถึงความหมายของเสรีภาพและความรับผิดชอบ
-
(3) สร้างเวทีสนทนาประชาชน (People’s Forum) ให้คนทุกกลุ่มได้ถกเถียงและเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน
-
(4) มี “ศาลรัฐธรรมนูญจริยธรรม” ที่ตีความรัฐธรรมนูญโดยยึดหลักความยุติธรรมและศีลธรรม ไม่ใช่เพียงตัวบทกฎหมาย
5. บทสรุป
รัฐธรรมนูญที่ถึงจิตวิญญาณของประชาชนไทย จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกระบวนการร่างไม่ใช่เพียงการร่างเอกสาร แต่เป็นการ “สร้างจิตสำนึกใหม่ร่วมกันของชาติ”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง รัฐธรรมนูญที่แท้ไม่ใช่เพียงสิ่งที่อยู่บนกระดาษ แต่คือสิ่งที่ “ประชาชนทุกคนถือไว้ในใจ” — เมื่อคนไทยทุกคนเห็นคุณค่าของความยุติธรรม ความเมตตา และความรับผิดชอบต่อส่วนรวม รัฐธรรมนูญฉบับใดก็จะกลายเป็น “รัฐธรรมนูญจิตใจ” โดยอัตโนมัติ
บทความทางวิชาการ
เรื่อง: การวิเคราะห์แนวคิด “รัฐธรรมนูญจิตใจ” ในบริบทการเมืองไทย
บทคัดย่อ
แนวคิด “รัฐธรรมนูญจิตใจ” เป็นการมองรัฐธรรมนูญไม่ใช่เพียงเอกสารทางกฎหมายสูงสุดของประเทศ แต่ยังสะท้อนระบบคุณค่า ความเชื่อ และจิตสำนึกทางการเมืองของสังคม บทความนี้มุ่งวิเคราะห์ว่ารัฐธรรมนูญจิตใจหมายถึงอะไร มีที่มาทางแนวคิดอย่างไร และสะท้อนหรือขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญฉบับลายลักษณ์อักษรในสังคมไทยอย่างไร โดยใช้กรอบแนวคิดจิตวิทยาการเมืองและวัฒนธรรมทางการเมืองไทยเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์
1. บทนำ
รัฐธรรมนูญในความหมายทั่วไป คือกฎหมายสูงสุดของประเทศที่กำหนดโครงสร้างอำนาจรัฐ สิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่ของประชาชน แต่ในอีกมิติหนึ่ง รัฐธรรมนูญยังสามารถถูกมองว่าเป็น “สัญญาทางใจ” ระหว่างรัฐและประชาชน ซึ่งสะท้อนถึงระดับของความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และความเข้าใจร่วมกันในหลักการประชาธิปไตย แนวคิด “รัฐธรรมนูญจิตใจ” (Moral or Psychological Constitution) จึงเป็นการขยายความหมายของรัฐธรรมนูญให้ลึกไปถึงระดับจิตสำนึกของพลเมืองและผู้นำ
2. ความหมายและพัฒนาการของแนวคิด “รัฐธรรมนูญจิตใจ”
แนวคิดนี้มีรากฐานในทฤษฎีจิตวิทยาการเมือง ซึ่งเชื่อว่า พฤติกรรมทางการเมืองของบุคคลสะท้อนจาก “โครงสร้างจิตใจทางการเมือง” (Political Mindset) หากประชาชนมีจิตสำนึกเคารพกฎหมายและเห็นคุณค่าของสิทธิเสรีภาพ รัฐธรรมนูญฉบับใดก็สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง ตรงกันข้าม หากสังคมขาดจิตสำนึกทางประชาธิปไตย แม้รัฐธรรมนูญจะเขียนไว้อย่างดี ก็ไม่สามารถสร้างความยั่งยืนทางการเมืองได้
ในบริบทไทย แนวคิด “รัฐธรรมนูญจิตใจ” มักถูกหยิบยกขึ้นมาเมื่อเกิดวิกฤติศรัทธาต่อรัฐธรรมนูญฉบับลายลักษณ์อักษร เช่น หลังการรัฐประหารหลายครั้งในประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า “รัฐธรรมนูญที่แท้จริงอยู่ในเอกสารหรืออยู่ในใจของคนไทย”
3. การวิเคราะห์เชิงจิตวิทยาการเมือง
รัฐธรรมนูญจิตใจสะท้อนถึงระดับพัฒนาการทางจิตสำนึกของสังคม ในแง่ของ
-
จิตสำนึกพลเมือง (Civic Consciousness): การเข้าใจสิทธิ หน้าที่ และการเคารพเสียงส่วนใหญ่โดยไม่ละเมิดเสียงส่วนน้อย
-
จิตสำนึกผู้นำ (Leadership Ethics): ความเข้าใจในอำนาจว่าเป็นเครื่องมือเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อการคงอำนาจของตน
-
จิตสำนึกทางศีลธรรมการเมือง (Political Morality): ความซื่อสัตย์ โปร่งใส และเคารพหลักนิติธรรม
4. รัฐธรรมนูญจิตใจกับวัฒนธรรมทางการเมืองไทย
สังคมไทยมีวัฒนธรรมการเมืองที่ผสมผสานระหว่างความเป็นอุปถัมภ์และการเคารพอำนาจ ซึ่งบางครั้งขัดแย้งกับหลักการประชาธิปไตยสมัยใหม่ การสร้าง “รัฐธรรมนูญจิตใจ” จึงไม่อาจเกิดขึ้นได้เพียงจากการร่างเอกสาร แต่ต้องมาจากการหล่อหลอมทางสังคม การศึกษา และวัฒนธรรมทางการเมืองที่ปลูกฝังความเป็นเจ้าของอำนาจร่วมกัน
5. บทสรุป
รัฐธรรมนูญจิตใจคือรากฐานของประชาธิปไตยที่แท้จริง การมีรัฐธรรมนูญที่ดีในทางเอกสารเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่การปลูกฝังจิตสำนึกทางประชาธิปไตยให้ฝังแน่นในใจของประชาชนและผู้นำ คือสิ่งที่จะทำให้รัฐธรรมนูญ “มีชีวิต” และดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน
เอกสารอ้างอิง (ตัวอย่าง)
-
Almond, G. & Verba, S. (1963). The Civic Culture: Political Attitudes and Democracy in Five Nations. Princeton University Press.
-
มารุต บุญจิตรานนท์. (2555). วัฒนธรรมทางการเมืองไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
-
พรสวรรค์ กิตติยารักษ์. (2561). “รัฐธรรมนูญในใจคนไทย: การวิเคราะห์เชิงจิตวิทยาการเมือง.” วารสารรัฐศาสตร์ไทย, 14(2), 45–68.

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น