เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ดร.สำราญ สมพงษ์ นักวิชาการอิสระด้านพุทธสันติวิธี และอดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ พรรคเกษตรเสรี เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิเคราะห์แนวทาง “การรีเซ็ตพรรคเพื่อไทย” ภายใต้การนำของนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งเพิ่งได้รับเลือกจากการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568
ผลการวิเคราะห์ชี้ว่า การเปลี่ยนผ่านภายในพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ ถือเป็น “จุดเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์” ที่สะท้อนถึงความพยายามของพรรคในการยกเครื่องโครงสร้าง อัตลักษณ์ และกลไกการสื่อสาร เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและความคาดหวังของประชาชนในยุคหลังความขัดแย้งทางอุดมการณ์ทางการเมือง
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ 5 สมัย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนจากที่ประชุม 354 จาก 369 เสียง พร้อมประกาศแนวทาง “ยกเครื่องพรรค” ทั้งในด้านนโยบาย การสื่อสาร และการคัดเลือกบุคลากร โดยย้ำว่า “หัวใจของพรรคยังคงคือประชาชน” และยืนยันว่าคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ “ไม่มีบุคคลในตระกูลชินวัตร”
ยกเครื่องพรรคเพื่อไทย : ฟื้นศรัทธา-สร้างสมดุลรุ่นเก่ารุ่นใหม่
การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จำนวน 29 คน ที่มีทั้งนักการเมืองรุ่นเก๋าและคนรุ่นกลาง เช่น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง (เลขาธิการพรรค) และนายศึกษิษฎ์ ศรีจอมขวัญ (โฆษกพรรค) สะท้อนแนวคิด “ผสมผสานประสบการณ์กับพลังใหม่” เพื่อฟื้นศรัทธาจากประชาชนรุ่นใหม่โดยไม่ทอดทิ้งฐานเสียงดั้งเดิม
นายจุลพันธ์ระบุว่า การปรับโครงสร้างดังกล่าวไม่ใช่ “ทางเลือก” แต่เป็น “ทางจำเป็น” เพื่อให้พรรคปรับตัวทันกับโลกการเมืองและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สื่อสารเชิงสร้างสรรค์ : “ศึกษิษฎ์ ศรีจอมขวัญ” กับบทบาทโฆษกสายสันติ
การแต่งตั้งนายศึกษิษฎ์ ศรีจอมขวัญ เป็นโฆษกพรรค ถือเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแนวทางการสื่อสารจาก “การปะทะ” สู่ “การสื่อสารเชิงสร้างสรรค์”
ดร.สำราญ สมพงษ์ เปิดเผยผลวิเคราะห์ร่วมกับ AI ว่า ลักษณะการสื่อสารของนายศึกษิษฎ์สอดคล้องกับหลัก “พุทธสันติวิธี” 4 ประการ ได้แก่
-
โยนิโสมนสิการ — ฟังอย่างเข้าใจ
-
สัมมาวาจา — พูดอย่างไม่เบียดเบียน
-
ปัญญา — ใช้เหตุผลแทนอารมณ์
-
อุเบกขาเชิงสร้างสรรค์ — สื่อสารเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
แนวทางดังกล่าวอาจช่วยลดความขัดแย้งทางวาทกรรมในสังคมไทย และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้พรรคเพื่อไทยเป็น “พรรคแห่งเหตุผลและสติ”
3 แกนรีเซ็ตเชิงยุทธศาสตร์ : นโยบาย – บุคลากร – การสื่อสาร
นายจุลพันธ์ได้วางแนวทางการรีเซ็ตพรรคเพื่อไทยไว้ใน 3 มิติสำคัญ ได้แก่
-
ด้านนโยบาย : รื้อฟื้นนโยบายเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มรายได้ และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่
-
ด้านบุคลากร : เปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่มีบทบาท โดยยังรักษาประสบการณ์ของรุ่นเก่า
-
ด้านการสื่อสารสาธารณะ : ใช้สื่อดิจิทัลเพื่อสื่อสารอย่างรวดเร็ว เข้าถึง และตอบโจทย์ประชาชน
นอกจากนี้ นายจุลพันธ์นิยามตนเองว่าเป็น “คนรุ่นกลาง” ที่พร้อมเชื่อมคนทุกวัย เพื่อสร้างสมดุลทางการเมืองระหว่างเจเนอเรชัน
พุทธสันติวิธีในสนามการเมือง : จากความขัดแย้งสู่การเมืองแห่งสติ
เมื่อวิเคราะห์ภายใต้กรอบ “พุทธสันติวิธี” ดร.สำราญมองว่า พรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของนายจุลพันธ์ กำลังเคลื่อนไหวในแนวทาง “การเมืองแห่งสติ” ที่เน้นการใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ การเชื่อมโยงมากกว่าการแบ่งแยก และการมองเป้าหมายร่วมมากกว่าการเอาชนะ
“จุลพันธ์ไม่ได้เพียงรีเซ็ตองค์กรทางการเมือง แต่กำลังรีเซ็ตวัฒนธรรมการเมืองไทย ให้กลับสู่ฐานของความเข้าใจและความร่วมมือ” ดร.สำราญกล่าว
สรุป : พรรคเพื่อไทยในยุคใหม่ของความสมดุล
การขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคของนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ จึงถือเป็นหมุดหมายสำคัญของการ “รีเซ็ตภาพลักษณ์และโครงสร้าง” พรรคเพื่อไทย ให้กลายเป็นพรรคที่ยึดเหตุผล สติ และหัวใจประชาชนเป็นศูนย์กลาง
อย่างไรก็ตาม ดร.สำราญย้ำว่า “ความสำเร็จของการรีเซ็ตพรรคจะขึ้นอยู่กับการแปลงเจตนารมณ์ให้เป็นการกระทำจริง” พร้อมระบุว่า หากสามารถรักษาความต่อเนื่องของแนวทางสันติวิธีได้ พรรคเพื่อไทยอาจกลายเป็นต้นแบบใหม่ของ “การเมืองเชิงสร้างสรรค์” ในยุคสังคมไทยเปลี่ยนผ่าน

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น