วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568

"ดร.สำราญ" ร่วมกับ AI วิเคราะห์แนวทางบูรณาการเพื่อพัฒนาชีวิตคนทุกช่วงวัย สะท้อนบทบาทท้องถิ่น–ส่วนกลาง สู่ระบบสวัสดิการชุมชนที่ยั่งยืน



เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 — ที่กรุงเทพมหานคร ดร.สำราญ สมพงษ์ นักวิชาการอิสระด้านพุทธสันติวิธี อดีตผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ ปี 2535 พรรคเกษตรเสรี และปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคแผ่นดินธรรม ได้ร่วมกับ ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำการวิเคราะห์เชิงวิชาการในหัวข้อ “การบูรณาการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาชีวิตคนทุกช่วงวัยตามการดำเนินการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)” โดยอ้างอิงข้อมูลจากกรณีศึกษาการประชุมระดับประเทศ “การบูรณาการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาชีวิตคนทุกช่วงวัย” ซึ่งจัดขึ้นในวันเดียวกัน ณ Royal Jubilee Ballroom อิมแพ็ค เมืองทองธานี

งานวิจัยดังกล่าวมุ่งวิเคราะห์แนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในทุกช่วงวัย ผ่านการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคท้องถิ่น ภาคประชาชน และภาคเอกชน เพื่อสร้างระบบสังคมแห่งการเกื้อกูล โดยเฉพาะในประเด็น “กองทุนสวัสดิการชุมชน (ออมวันละบาท)” ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างหลักประกันทางสังคมระดับรากหญ้า



ในการประชุมครั้งนี้มีผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศเข้าร่วม หนึ่งในนั้นคือ นายอภิพัฒน์ สมพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสำโรงตาเจ็น จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งได้สะท้อนปัญหาการเบิกจ่ายเงินสมทบกองทุนสวัสดิการชุมชน ที่มีความล่าช้าและยุ่งยากในทางปฏิบัติ ส่งผลให้การช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะกรณีเร่งด่วน เช่น การเสียชีวิตของสมาชิกกองทุน ดำเนินการได้ไม่ทันต่อความต้องการ

ปลัดกระทรวง พม. ซึ่งเป็นประธานการประชุม ได้รับฟังข้อเสนอจากพื้นที่และให้คำมั่นว่าจะเร่งหาทางปรับปรุงระเบียบและระบบบริหารจัดการ เพื่อให้กองทุนสวัสดิการชุมชนสามารถดำเนินการได้อย่างคล่องตัว โปร่งใส และตอบโจทย์ประชาชนมากยิ่งขึ้น

ดร.สำราญ วิเคราะห์ว่า กรณีดังกล่าวสะท้อนภาพ “การบูรณาการจากนโยบายสู่ปฏิบัติการจริง” ซึ่งต้องอาศัยการสื่อสารสองทางระหว่างส่วนกลางกับท้องถิ่น เพื่อสร้างระบบสวัสดิการที่มีทั้งความยืดหยุ่นและความยั่งยืน โดยมีข้อเสนอเชิงระบบ 4 ประการ ได้แก่

  1. โครงสร้างการบริหาร: ควรมี “กลไกกลาง” ที่เชื่อมโยง พม. กับ อปท. ผ่านระบบดิจิทัลและฐานข้อมูลร่วม

  2. งบประมาณ: ควรใช้แนวทาง “ร่วมลงทุนทางสังคม” ระหว่างรัฐกับท้องถิ่น เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการช่วยเหลือประชาชน

  3. การมีส่วนร่วมของประชาชน: ส่งเสริมให้ชุมชนเป็นเจ้าของข้อมูลและเจ้าของกองทุนอย่างแท้จริง

  4. การประเมินผล: ใช้ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ เช่น ความสุข ความมั่นคง และศักดิ์ศรีของชีวิต มากกว่าตัวเลขงบประมาณ

ผลการวิเคราะห์ของ ดร.สำราญ และ AI ยังชี้ให้เห็นว่า “แนวทางพัฒนาชีวิตคนทุกช่วงวัยของ พม.” จะบรรลุผลได้จริงก็ต่อเมื่อเกิดการบูรณาการระหว่างส่วนกลางกับท้องถิ่นในลักษณะ “แนวร่วมเพื่อมนุษย์” (Human-Centered Collaboration) ที่ให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา

ดร.สำราญกล่าวสรุปว่า “สิ่งสำคัญของการพัฒนาคือการฟังเสียงจากพื้นที่ เพราะท้องถิ่นคือหัวใจของการสร้างความมั่นคงของมนุษย์อย่างแท้จริง” พร้อมระบุว่าการนำ AI มาวิเคราะห์เชิงระบบช่วยเปิดมุมมองใหม่ให้เห็นโครงสร้างเชื่อมโยงระหว่างนโยบาย สังคม และคุณภาพชีวิตในมิติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...