เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ดร.สำราญ สมพงษ์ นักวิชาการอิสระด้านพุทธสันติวิธี อดีตผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ ปี 2535 พรรคเกษตรเสรี และปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคแผ่นดินธรรม ร่วมกับระบบวิเคราะห์ของเอไอ ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์เรื่อง “จาก CPTPP สู่เอ็มโอยูแร่แรร์เอิร์ธ ไทย–สหรัฐอเมริกา”
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชี้ให้เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศไทยจาก “การค้าเสรี” สู่ “ความมั่นคงทางทรัพยากร” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจโลกในศตวรรษที่ 21
🔹 CPTPP: เส้นทางการค้าเสรีที่ไทยเคยพิจารณา
“CPTPP” หรือ ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership) เป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่พัฒนามาจาก TPP ซึ่งเดิมสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ผลักดัน ก่อนถอนตัวในปี 2017
ปัจจุบัน CPTPP มีสมาชิก 7 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโก, แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์ และเวียดนาม รวมประชากรประมาณ 415.8 ล้านคน (ราว 6% ของประชากรโลก)
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ปี 2562 ไทยมีการค้ากับประเทศสมาชิก CPTPP รวมมูลค่า 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 23.6% ของการค้าไทยกับโลก
แม้ไทยยังไม่ได้เข้าร่วม CPTPP อย่างเป็นทางการ แต่แนวโน้มการเจรจาและการพิจารณาเข้าร่วมในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นความพยายามของไทยในการปรับตัวเข้าสู่ “ระบบเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์รุ่นใหม่” ที่เน้นการเปิดตลาดและมาตรฐานทางการค้า
🔹 ความกังวลและยุทธศาสตร์เชิงเลือกของไทย
อย่างไรก็ตาม ภาคเกษตรและภาคประชาชนจำนวนมากได้แสดงความกังวลต่อผลกระทบจาก CPTPP โดยเฉพาะในประเด็น สิทธิบัตรพันธุ์พืช (UPOV 1991) ที่อาจจำกัดสิทธิของเกษตรกรในการเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เพาะปลูกต่อ ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว
การที่รัฐบาลไทยยังไม่ตัดสินใจเข้าร่วม CPTPP จึงถูกมองว่าเป็น “ยุทธศาสตร์เชิงเลือก” (Selective Strategy) ที่เปิดช่องให้ไทยสามารถรักษาความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจและการทูตกับทั้งสหรัฐฯ และจีนได้ในเวลาเดียวกัน
🔹 ไทย–สหรัฐฯ กับบันทึกข้อตกลงแร่แรร์เอิร์ธ: ยุทธศาสตร์ใหม่ปี 2568
ในปี 2568 ไทยและสหรัฐอเมริกาได้ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้าน แร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth Elements) ซึ่งถือเป็นพัฒนาการสำคัญในมิติ ภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจ (Geo-economic Strategy) ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แร่แรร์เอิร์ธ คือกลุ่มธาตุโลหะหายาก 17 ชนิด ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า สมาร์ตโฟน ชิปคอมพิวเตอร์ และอาวุธยุทโธปกรณ์ ปัจจุบัน จีนครองสัดส่วนตลาดแร่แรร์เอิร์ธกว่า 70% ของโลก ทำให้การกระจายแหล่งผลิตเป็นประเด็นความมั่นคงระดับโลก
ดังนั้น MOU ไทย–สหรัฐฯ จึงไม่ใช่เพียงข้อตกลงทางเศรษฐกิจ แต่ยังสะท้อนการที่ไทยเริ่มเข้ามามีบทบาทใน “ห่วงโซ่อุปทานเชิงยุทธศาสตร์” (Strategic Supply Chain) ของเทคโนโลยีสะอาด ซึ่งเป็นทิศทางเศรษฐกิจโลกหลังยุคโควิด–19
🔹 การเปรียบเทียบเชิงยุทธศาสตร์
| ประเด็น | CPTPP | MOU แร่แรร์เอิร์ธ ไทย–สหรัฐฯ |
|---|---|---|
| ลักษณะความร่วมมือ | พหุภาคี ครอบคลุมเศรษฐกิจและกฎระเบียบระหว่างประเทศ | ทวิภาคี มุ่งด้านทรัพยากรและเทคโนโลยีแปรรูป |
| เป้าหมายหลัก | เปิดเสรีการค้าและการลงทุน | เสริมความมั่นคงทางเทคโนโลยีและพลังงานสะอาด |
| ผลกระทบต่อเกษตรกร | เสี่ยงต่อข้อจำกัดสิทธิบัตรพันธุ์พืช | ไม่กระทบโดยตรง แต่เปิดโอกาสด้านแรงงานเทคนิค |
| พันธมิตรหลัก | ญี่ปุ่น–แคนาดา (กลุ่มแปซิฟิก) | สหรัฐฯ และพันธมิตรเทคโนโลยีสะอาด |
| นัยทางภูมิรัฐศาสตร์ | ถ่วงดุลอิทธิพลจีนในเอเชียแปซิฟิก | ลดการพึ่งพาจีนในห่วงโซ่เทคโนโลยีโลก |
🔹 ข้อเสนอเชิงนโยบายของ ดร.สำราญ และเอไอวิเคราะห์
-
บริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
การพัฒนาอุตสาหกรรมแร่แรร์เอิร์ธต้องอยู่ภายใต้กรอบ ESG (Environment, Social, Governance) เพื่อป้องกันผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม -
สร้างขีดความสามารถเทคโนโลยีในประเทศ
ไทยควรใช้ MOU นี้เป็นโอกาสในการ ลงทุนวิจัย การแปรรูป และการรีไซเคิลแร่หายาก เพื่อยกระดับสู่ “ผู้ผลิตมูลค่าเพิ่ม” ไม่ใช่แค่ผู้ส่งออกวัตถุดิบ -
รักษาสมดุลภูมิรัฐศาสตร์
ไทยต้องรักษาความสัมพันธ์ทั้งกับสหรัฐฯ และจีน เพื่อให้เกิด ดุลยภาพระหว่างเศรษฐกิจและความมั่นคงในระยะยาว
🔹 สรุป: ไทยบนเส้นทางใหม่แห่งภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจโลก
จากการวิเคราะห์ของ ดร.สำราญ และระบบเอไอพบว่า การเปลี่ยนผ่านจากแนวคิด “การค้าเสรี” (Free Trade) ของ CPTPP มาสู่ “ความมั่นคงทรัพยากร” (Resource Security) ของ MOU แร่แรร์เอิร์ธ แสดงให้เห็นว่าไทยกำลังก้าวสู่บทบาทใหม่ในฐานะ “ผู้เล่นเชิงยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาค”
บทวิเคราะห์สรุปว่า ไทยต้องเผชิญความท้าทายในการรักษาอธิปไตยทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมท่ามกลางการแข่งขันของมหาอำนาจโลก และ “อย่าคิดว่า เอ็มโอไทย–สหรัฐฯ จะไม่เกิดขึ้น” เพราะทิศทางความร่วมมือด้านทรัพยากรและเทคโนโลยีสะอาดกำลังกลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจโลกในยุคใหม่
📚 บรรณานุกรม
-
Ministry of Commerce, Thailand. (2562). รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยกับประเทศสมาชิก CPTPP.
-
Han, X. (2022). Rare Earth Elements and Global Supply Chain Security. Journal of Strategic Resources, 15(3).
-
ธีรยุทธ บุญมี. (2566). ภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจไทยในยุคแข่งขันเทคโนโลยีโลก. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
-
สำนักข่าวเศรษฐกิจการค้า. (2568). ไทย–สหรัฐฯ ลงนาม MOU แร่แรร์เอิร์ธ: จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจยุทธศาสตร์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.
วิเคราะห์: จาก CPTPP สู่เอ็มโอยูแร่แรร์เอิร์ธ ไทย–สหรัฐอเมริกา
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ความเชื่อมโยงเชิงยุทธศาสตร์จาก “ความตกลง CPTPP” (Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership) สู่ “บันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่แรร์เอิร์ธ” ระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพัฒนาการทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญในปี พ.ศ. 2568 บทวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า แม้ไทยไม่ได้เข้าร่วมความตกลง CPTPP อย่างเป็นทางการ แต่แนวโน้มของการปรับนโยบายการค้าและทรัพยากรของรัฐสะท้อนให้เห็น “การเข้าสู่ห่วงโซ่เศรษฐกิจโลกแบบเลือกจุดยุทธศาสตร์” โดยมีแร่แรร์เอิร์ธเป็นทรัพยากรยุทธศาสตร์ใหม่ที่เชื่อมโยงผลประโยชน์ระหว่างไทย–สหรัฐฯ ภายใต้สมการการแข่งขันกับจีน
1. บทนำ
CPTPP (Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership) หรือ “ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” เป็นกรอบความตกลงทางการค้าเสรีที่พัฒนามาจาก TPP (Trans-Pacific Partnership) ซึ่งสหรัฐอเมริกาเคยเป็นผู้ผลักดัน ก่อนถอนตัวในปี ค.ศ. 2017
ปัจจุบัน CPTPP มีสมาชิก 7 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโก, แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์ และเวียดนาม รวมประชากรประมาณ 415.8 ล้านคน หรือราว 6% ของประชากรโลก
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ในปี พ.ศ. 2562 ไทยมีการค้ากับ 7 ประเทศสมาชิก CPTPP รวมมูลค่า 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 23.6% ของมูลค่าการค้าไทยกับโลก
แม้ไทยยังไม่เข้าร่วม CPTPP อย่างเป็นทางการ แต่การพิจารณาเข้าร่วมในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้สะท้อนความพยายามของไทยในการปรับตัวเข้าสู่ “ระบบเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์รุ่นใหม่” ที่เน้นการเปิดตลาด การปฏิรูประบบทรัพย์สินทางปัญญา และการลดอุปสรรคทางการค้า
2. ความกังวลและการเปลี่ยนผ่านเชิงนโยบาย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีความกังวลจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะ กลุ่มเกษตรกรไทย ที่มองว่าการเข้าร่วม CPTPP อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหาร สิทธิบัตรพันธุ์พืช และต้นทุนการผลิต เช่น การคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV 1991) ซึ่งอาจจำกัดสิทธิของเกษตรกรในการเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อเพาะปลูกต่อ
ในขณะเดียวกัน การที่รัฐบาลไทยยังไม่ตัดสินใจเข้าร่วม CPTPP กลับสะท้อนการวางยุทธศาสตร์เชิงเลือก — คือการ “คงระยะห่างทางการค้าเสรี” เพื่อรักษาความยืดหยุ่นในการเจรจาทางเศรษฐกิจและการเมืองกับมหาอำนาจ
และในปี พ.ศ. 2568 ความเคลื่อนไหวใหม่ที่สำคัญคือการที่ไทยและ สหรัฐอเมริกา ได้ลงนามใน บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth Elements) ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์ของภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจไทย
3. แร่แรร์เอิร์ธ: ทรัพยากรยุทธศาสตร์ของศตวรรษที่ 21
“แร่แรร์เอิร์ธ” หมายถึง กลุ่มธาตุโลหะหายาก 17 ชนิดที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น สมาร์ตโฟน รถยนต์ไฟฟ้า ชิปคอมพิวเตอร์ และอาวุธยุทโธปกรณ์ ปัจจุบัน จีนครอบครองตลาดแร่แรร์เอิร์ธมากกว่า 70% ของโลก ทำให้การกระจายแหล่งผลิตและแปรรูปแร่เหล่านี้เป็นประเด็นสำคัญทางความมั่นคงระดับโลก
การลงนาม MOU แร่แรร์เอิร์ธไทย–สหรัฐฯ จึงมีความหมายมากกว่าความร่วมมือด้านทรัพยากร เพราะสะท้อนการที่ไทยเริ่มมีบทบาทใน “ห่วงโซ่อุปทานยุทธศาสตร์” (Strategic Supply Chain) ของเทคโนโลยีสะอาดและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกหลังโควิด–19 ที่มุ่งสู่เศรษฐกิจพลังงานสะอาดและดิจิทัล
4. การวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ: จาก CPTPP สู่ MOU แร่แรร์เอิร์ธ
| ประเด็น | CPTPP | MOU แร่แรร์เอิร์ธ ไทย–สหรัฐฯ |
|---|---|---|
| ลักษณะความร่วมมือ | ความตกลงพหุภาคี (Multilateral) ครอบคลุมเศรษฐกิจ การค้า และกฎระเบียบระหว่างประเทศ | ความร่วมมือทวิภาคี (Bilateral) เน้นด้านทรัพยากรธรรมชาติและเทคโนโลยีแปรรูป |
| เป้าหมายหลัก | เปิดเสรีการค้าและการลงทุน | เสริมความมั่นคงทางเทคโนโลยีและพลังงานสะอาด |
| ผลกระทบต่อเกษตรกร | อาจเพิ่มการแข่งขันและข้อจำกัดทางสิทธิบัตรพันธุ์พืช | ไม่กระทบโดยตรง แต่สร้างโอกาสในอุตสาหกรรมต่อเนื่องและแรงงานเทคนิค |
| ความเชื่อมโยงเชิงยุทธศาสตร์ | ยึดโยงกับกลุ่มประเทศแปซิฟิก โดยมีญี่ปุ่นและแคนาดาเป็นแกนกลาง | ยึดโยงกับสหรัฐฯ และพันธมิตรในระบบเศรษฐกิจเทคโนโลยีสะอาด |
| นัยทางภูมิรัฐศาสตร์ | เป็นกรอบถ่วงดุลอิทธิพลของจีนในเอเชีย–แปซิฟิก | เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์สหรัฐฯ เพื่อลดการพึ่งพาจีนในห่วงโซ่เทคโนโลยี |
การเปลี่ยนผ่านจากแนวคิด “เปิดการค้าเสรี” (Free Trade) ของ CPTPP มาสู่ “ความมั่นคงทรัพยากร” (Resource Security) ของ MOU แร่แรร์เอิร์ธ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยกำลังปรับยุทธศาสตร์สู่การเป็น “ผู้เล่นเชิงยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาค” ที่เน้นความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับความมั่นคงทางการเมือง
5. ข้อเสนอเชิงนโยบาย
-
การบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
การพัฒนาอุตสาหกรรมแร่แรร์เอิร์ธต้องอยู่ภายใต้กรอบ ESG (Environment, Social, Governance) เพื่อป้องกันผลกระทบต่อชุมชนและทรัพยากรธรรมชาติ -
การสร้างขีดความสามารถเทคโนโลยีในประเทศ
ไทยควรใช้โอกาสจาก MOU นี้ในการลงทุนด้านการวิจัย การแปรรูป และการรีไซเคิลแร่หายาก เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในสถานะเพียง “ผู้ส่งออกวัตถุดิบ” -
การสร้างสมดุลทางภูมิรัฐศาสตร์
ไทยควรรักษาความสัมพันธ์ทั้งกับสหรัฐฯ และจีน เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลทางเศรษฐกิจในระยะยาว
6. สรุป
จาก CPTPP ที่สะท้อนการเชื่อมโยงเศรษฐกิจในภูมิภาค สู่ MOU แร่แรร์เอิร์ธ ไทย–สหรัฐฯ ที่แสดงถึงการเข้าร่วมในห่วงโซ่ยุทธศาสตร์ระดับโลก ไทยได้แสดงให้เห็นถึง “การเปลี่ยนผ่านเชิงยุทธศาสตร์จากการค้าเสรีสู่ความมั่นคงทรัพยากร” การก้าวย่างดังกล่าวไม่เพียงเป็นเรื่องเศรษฐกิจ หากแต่เป็นจุดทดสอบความสามารถของไทยในการรักษาอธิปไตยทางนโยบาย เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมท่ามกลางการแข่งขันของมหาอำนาจโลกในศตวรรษที่ 21
บรรณานุกรม (เบื้องต้น)
-
Ministry of Commerce, Thailand. (2562). รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยกับประเทศสมาชิก CPTPP.
-
Han, X. (2022). Rare Earth Elements and Global Supply Chain Security. Journal of Strategic Resources, Vol. 15(3).
-
ธีรยุทธ บุญมี. (2566). ภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจไทยในยุคแข่งขันเทคโนโลยีโลก. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
-
สำนักข่าวเศรษฐกิจการค้า. (2568). ไทย–สหรัฐฯ ลงนาม MOU แร่แรร์เอิร์ธ: จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจยุทธศาสตร์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.
.png)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น