หลักธรรมาภิบาล (Good Governance) เป็นแนวคิดร่วมสมัยที่เน้นความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และความมีส่วนร่วมในกระบวนการบริหารองค์กร ไม่เว้นแม้แต่สถาบันทางศาสนา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมศีลธรรมและค่านิยมของสังคมไทย อย่างไรก็ตาม ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สถาบันสงฆ์ไทยต้องเผชิญกับวิกฤตศรัทธาอันเกิดจากพฤติกรรมที่บกพร่องของพระภิกษุบางรูป จนก่อให้เกิดคำถามจากสาธารณชนเกี่ยวกับความชอบธรรมในการดำรงอยู่ของสถาบันสงฆ์
พระไพศาล วิสาโล พระนักคิด นักปฏิบัติ และนักวิชาการทางพุทธศาสนาที่มีบทบาทโดดเด่น ได้เสนอแนวทาง “ธรรมาภิบาลในพุทธศาสนา” เพื่อธำรงไว้ซึ่งศรัทธาและความมั่นคงของพระศาสนา โดยเฉพาะในการบรรยายหัวข้อ “ธรรมาภิบาลกับการธำรงพระพุทธศาสนา” ในงานของมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ท่านได้วิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงปัญหาเชิงโครงสร้างและวัฒนธรรมในสถาบันสงฆ์ ซึ่งสัมพันธ์กับประเด็นศรัทธา สีกา และอำนาจเงิน อันเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของพระศาสนาไทยในยุคปัจจุบัน
เนื้อหา
1. ธรรมาภิบาลในมุมมองของพระไพศาล วิสาโล
พระไพศาล วิสาโล มองว่า ธรรมาภิบาลมิได้เป็นเพียงแนวคิดทางการบริหารเชิงโลกีย์เท่านั้น แต่เป็น “ธรรม” ที่สอดคล้องกับหลักพุทธธรรม เช่น สติ ปัญญา ความซื่อสัตย์ และความรับผิดชอบต่อสังคม ธรรมาภิบาลในพระศาสนาจึงหมายถึงการที่พระสงฆ์และสถาบันสงฆ์ต้องสามารถตรวจสอบได้ โปร่งใส และยึดมั่นในพระธรรมวินัยเป็นหลัก ไม่ใช่การปกปิดความผิดหรืออ้างอำนาจสมณศักดิ์มาปกป้องผู้กระทำผิด
ท่านเน้นว่า เมื่อเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อสถาบันสงฆ์ ชาวพุทธไม่ควรตอบโต้ด้วยอารมณ์โกรธหรือการปกป้องแบบไร้เหตุผล แต่ควร “ใคร่ครวญด้วยสติ” และมองว่าวิพากษ์นั้นคือกระจกสะท้อนข้อบกพร่องที่ต้องได้รับการเยียวยา การปฏิรูปจิตใจของพระและญาติโยมจึงเป็นรากฐานของธรรมาภิบาลในพุทธศาสนา
2. ศรัทธา สีกา และอำนาจเงิน: สามมิติของความท้าทาย
ในบริบทสังคมพุทธไทย “ศรัทธา” กลายเป็นทุนทางสังคมที่สัมพันธ์กับ “อำนาจเงิน” และ “สถานะ” พระไพศาลเตือนว่า เมื่อศรัทธาแปรเปลี่ยนเป็นการบูชาอิทธิฤทธิ์หรือการทำบุญเชิงพาณิชย์ ศาสนาจะสูญเสียแก่นแท้ของธรรมและศีลธรรม
ปัญหาของ “อำนาจเงิน” ในสถาบันสงฆ์ไม่ใช่เพียงการทุจริตส่วนบุคคล แต่คือการที่ระบบบริหารของสงฆ์เปิดช่องให้ผลประโยชน์กลายเป็นแรงจูงใจหลัก เช่น การแข่งขันสร้างวัดใหญ่ การสะสมทรัพย์สิน หรือการใช้ตำแหน่งทางสมณศักดิ์เพื่อหาผลประโยชน์ พระไพศาลชี้ว่า ปัญหาเหล่านี้มิใช่ความผิดพลาดเฉพาะราย แต่เป็น “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ของสถาบันสงฆ์ที่ขาดระบบตรวจสอบและธรรมาภิบาลที่มีประสิทธิภาพ
3. ธรรมาภิบาลในฐานะการปฏิรูปเชิงโครงสร้างและจิตสำนึก
พระไพศาลเสนอว่า การธำรงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงในยุคปัจจุบัน ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงทั้งเชิงโครงสร้างและเชิงจิตสำนึก
-
เชิงโครงสร้าง คือ การพัฒนาระบบบริหารคณะสงฆ์ให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีส่วนร่วมจากฆราวาส และลดการรวมศูนย์อำนาจ
-
เชิงจิตสำนึก คือ การฟื้นฟูจิตใจของพระภิกษุให้มีความสำนึกในความเป็น “สมณะ” ที่แท้จริง ไม่หลงในยศ ลาภ หรือศรัทธาที่แฝงด้วยผลประโยชน์
ธรรมาภิบาลตามทรรศนะของพระไพศาล จึงมิใช่เพียงเครื่องมือบริหาร แต่คือ “ธรรมวิถี” ที่หลอมรวมศีล สมาธิ และปัญญา เพื่อชำระจิตและสังคมสงฆ์ให้บริสุทธิ์ เป็นการนำธรรมกลับมาเป็นศูนย์กลางของศาสนาแทนการยึดถืออำนาจทางโลก
สรุป
ทรรศนะของพระไพศาล วิสาโล ต่อธรรมาภิบาลในพระพุทธศาสนา เป็นการเรียกร้องให้ชาวพุทธทุกฝ่าย — ทั้งพระภิกษุและญาติโยม — กลับมาทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างศรัทธา อำนาจ และเงิน ในฐานะปัจจัยที่ทั้งเกื้อหนุนและบั่นทอนพระศาสนาได้ในเวลาเดียวกัน พระไพศาลมองว่า วิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่ใช่เพียงความเสื่อมของบุคคล แต่คือ “สัญญาณเตือนของระบบ” ที่ต้องได้รับการปรับปรุงโดยอาศัยหลักธรรมาภิบาลเป็นฐาน
ดังนั้น การธำรงพระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบันจะเป็นไปได้ ก็ต่อเมื่อสถาบันสงฆ์ยอมรับข้อบกพร่อง เปิดใจรับฟังเสียงวิจารณ์ และนำหลักธรรมมาประยุกต์เป็นระบบบริหารอย่างแท้จริง อันจะทำให้พุทธศาสนาไม่เพียงดำรงอยู่ได้ แต่ยังคงเป็นแสงสว่างทางจิตวิญญาณของสังคมไทยอย่างยั่งยืน

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น