กรุงเทพมหานคร, วันที่ 30 ตุลาคม 2568 —
ดร.สำราญ สมพงษ์ นักวิชาการอิสระด้านพุทธสันติวิธี อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ ปี 2535 พรรคเกษตรเสรี และสมาชิกพรรคแผ่นดินธรรม ได้ร่วมกับระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำการวิเคราะห์เชิงวิชาการเรื่อง “แนวทางการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ ดร.สำราญ สมพงษ์” เพื่อศึกษาปัจจัยทางจิตวิญญาณและสังคมที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมือง
ผลการวิเคราะห์พบว่า การตัดสินใจของ ดร.สำราญ มิได้ตั้งอยู่บนแรงจูงใจเชิงอำนาจ แต่เป็นกระบวนการภายในที่มีรากฐานมาจาก เจตนาทางพุทธธรรม ในการใช้การเมืองเป็นพื้นที่สร้างสันติภาพและพัฒนาสังคมเชิงคุณธรรม
แรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณแห่งสันติ
ดร.สำราญ สมพงษ์ เป็นนักวิชาการด้านพุทธสันติวิธีโดยตรง จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตั้งแต่ระดับพุทธศาสตรบัณฑิตจนถึงพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาสันติศึกษา โดยมีผลงานวิจัยสำคัญเรื่อง “ศึกษาวิเคราะห์รูปแบบการสื่อสารเพื่อสันติภาพในสื่อออนไลน์ตามแนวทางพุทธสันติวิธี” ตีพิมพ์ในวารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร ปี 2559
นอกจากพื้นฐานทางวิชาการแล้ว ดร.สำราญยังมีประสบการณ์กว่า 30 ปีในแวดวงสื่อมวลชน ทำหน้าที่นักข่าวและบรรณาธิการข่าวการเมืองในเครือเนชั่น หนังสือพิมพ์คมชัดลึก และเว็บไซต์บ้านเมืองออนไลน์ ทำให้ท่านได้เห็นทั้งศักยภาพและข้อจำกัดของระบบการเมืองไทยอย่างใกล้ชิด
จากครูสอนธรรมสู่ผู้สมัคร ส.ส. ที่ยึดมั่นในพุทธสันติวิธี
ในปี 2535 ดร.สำราญ ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ ในนามพรรคเกษตรเสรี โดยมุ่งเน้นนโยบายเศรษฐกิจชนบทและการพึ่งพาตนเอง แม้จะได้รับคะแนนเพียง 330 คะแนนแบบไม่ได้หาเสียง แต่การตัดสินใจครั้งนั้นสะท้อน “ความกล้าเชิงอุดมการณ์” มากกว่า “ความหวังเชิงอำนาจ”
AI วิเคราะห์พบว่า การลงสมัครของท่านในครั้งนั้นเป็น “การกระทำเชิงสัญลักษณ์” (Symbolic Act) ที่ต้องการประกาศแนวคิดเรื่อง “การเมืองเชิงพุทธ” (Buddhist Political Mindset) — การเมืองที่ใช้ธรรมะนำหน้าอำนาจ และใช้สันติภาพเป็นเครื่องมือสร้างความเปลี่ยนแปลง
วิเคราะห์เชิงพุทธสันติวิธีต่อการตัดสินใจทางการเมือง
AI ได้จำลองการวิเคราะห์เชิงลึกตามหลัก พุทธสันติวิธี (Buddhist Peace Approach) พบว่าการตัดสินใจของ ดร.สำราญ มีลักษณะครบถ้วนใน 4 มิติสำคัญ ได้แก่
-
เจตนา (Cetanā) – การเข้าสู่การเมืองด้วยความมุ่งหมายบริสุทธิ์ ต้องการใช้พลังแห่งการเมืองเพื่อสร้างสันติสุขให้ประชาชน
-
สติปัญญา (Paññā) – ยึดหลักมัชฌิมาปฏิปทา วิเคราะห์เหตุผลเชิงโครงสร้างทางการเมืองโดยไม่เอนเอียง
-
กรุณา (Karuṇā) – แรงผลักดันจากความเมตตาต่อประชาชนในบ้านเกิด เห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำและต้องการเป็นเสียงสะท้อนให้ผู้ถูกมองข้าม
-
อิทธิบาท 4 (ฉันทะ–วิริยะ–จิตตะ–วิมังสา) – เป็นกระบวนธรรมที่อธิบายพลังแห่งความเพียรในการทำงานเพื่อสังคมได้อย่างชัดเจน
จากสนามเลือกตั้งสู่การเมืองเชิงสันติ
แม้การลงสมัครในปี 2535 จะไม่ประสบความสำเร็จเชิงคะแนนเสียง แต่ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาแนวคิด “การเมืองเชิงสันติ” ที่มุ่งเปลี่ยนความขัดแย้งทางการเมืองให้กลายเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และการอยู่ร่วมกันอย่างมีสติ
ในมุมมองของ ดร.สำราญ การเมืองที่แท้จริงต้องยึดหลัก “อหิงสา–สติ–สมานฉันท์” เพื่อสร้างสมดุลระหว่างอำนาจกับธรรมะ และปลูกฝังความรับผิดชอบต่อส่วนรวมในระดับจิตสำนึกของนักการเมือง
บทสรุป
ผลการวิเคราะห์ร่วมระหว่าง ดร.สำราญ สมพงษ์ และระบบ AI ชี้ให้เห็นว่า การตัดสินใจลงสมัคร ส.ส. ของท่านเป็นตัวอย่างของ “การเมืองแห่งจิตวิญญาณ” ซึ่งผสานหลักพุทธธรรมเข้ากับประชาธิปไตยสมัยใหม่ การเมืองในมุมมองของท่านจึงไม่ใช่เพียงเวทีแข่งขันเพื่ออำนาจ แต่เป็นเวทีสร้าง “ความดี ความจริง และความงาม” ให้ปรากฏในสังคมไทย
แนวคิดดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า แม้บุคคลจะไม่ได้รับชัยชนะในสนามเลือกตั้ง แต่สามารถเป็น “ผู้ชนะทางธรรม” ได้ หากการกระทำนั้นตั้งอยู่บนฐานของเจตนาบริสุทธิ์และความมุ่งมั่นในสันติภาพ
เอกสารอ้างอิง
-
สำราญ สมพงษ์. (2560). ศึกษาวิเคราะห์รูปแบบการสื่อสารเพื่อสันติภาพในสื่อออนไลน์ตามแนวทางพุทธสันติวิธี: กรณีศึกษาเว็บไซต์หนังสือพิมพ์คมชัดลึก. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 4(1), 137–154.
-
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2563). ข้อมูลหลักสูตรสันติศึกษา.
-
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (2543). พุทธธรรม. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
-
Rawls, J. (1971). A Theory of Justice. Cambridge: Harvard University Press.
วิเคราะห์แนวทางการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ ดร.สำราญ สมพงษ์
โดย ดร.สำราญ สมพงษ์
บทคัดย่อ
การตัดสินใจของบุคคลที่จะเข้าสู่สนามการเมืองถือเป็นกระบวนการสำคัญที่สะท้อนทั้งแรงจูงใจภายในและปัจจัยทางสังคมภายนอก บทความนี้มุ่งวิเคราะห์แนวทางการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของ ดร.สำราญ สมพงษ์ นักวิชาการด้านพุทธสันติวิธีและอดีตนักข่าวอาวุโส โดยศึกษาจากประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และแนวคิดทางพุทธสันติศึกษา ผลการวิเคราะห์พบว่า การตัดสินใจลงสมัคร ส.ส. ของ ดร.สำราญ มีรากฐานมาจากเจตจำนงทางจิตวิญญาณในการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาบูรณาการกับการเมือง เพื่อสร้าง “การเมืองเชิงสันติ” ที่ยึดหลักธรรมาภิบาลและประโยชน์สุขของประชาชนเป็นสำคัญ
1. บทนำ
การเมืองไทยในแต่ละยุคสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง “อำนาจ” และ “อุดมการณ์” ของผู้เข้าสู่สนามการเลือกตั้ง การตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ของบุคคลหนึ่งไม่เพียงเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงค่านิยม ความเชื่อ และความมุ่งหมายทางสังคมของบุคคลนั้น
ดร.สำราญ สมพงษ์ เป็นตัวอย่างของผู้ที่ผสมผสานแนวคิดทางพุทธสันติวิธีเข้ากับภารกิจทางสังคมและการเมือง โดยใช้ประสบการณ์จากการเป็นครู นักวิชาการ และนักข่าว มาสร้างกรอบคิดใหม่ในการพัฒนา “การเมืองเชิงคุณธรรม” บทความนี้จึงมุ่งวิเคราะห์ว่า อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ดร.สำราญ ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จังหวัดศรีสะเกษ ในปี พ.ศ. 2535 และสิ่งนี้สะท้อนแนวคิดทางพุทธสันติศึกษาอย่างไร
2. ประวัติและภูมิหลังทางวิชาการ
ดร.สำราญ สมพงษ์ เป็นนักวิชาการอิสระด้านพุทธสันติวิธี มีพื้นฐานทางการศึกษาด้านพระพุทธศาสนาโดยตรง
-
ปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต (พุทธศาสตร์ – เอกปรัชญา) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2534
-
ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาสันติศึกษา) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2559
-
ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (สาขาสันติศึกษา) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2563
ในด้านอาชีพ ดร.สำราญ เริ่มต้นจากการเป็น ครูสอนปริยัติธรรม (พ.ศ. 2521) และต่อมาได้เข้าสู่วงการสื่อสารมวลชน ทำหน้าที่เป็นนักข่าวและบรรณาธิการข่าวการเมืองในเครือเนชั่น และหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ก่อนจะดำรงตำแหน่งบรรณาธิการข่าวการเมืองเว็บไซต์บ้านเมืองออนไลน์
ในเชิงวิชาการ ดร.สำราญ มีผลงานวิจัยเรื่อง
“ศึกษาวิเคราะห์รูปแบบการสื่อสารเพื่อสันติภาพในสื่อออนไลน์ตามแนวทางพุทธสันติวิธี: กรณีศึกษาเว็บไซต์หนังสือพิมพ์คมชัดลึก”
ตีพิมพ์ใน วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร ปี 2559
ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจในการบูรณาการ “สื่อสาร–สันติภาพ–ธรรมะ” เพื่อสร้างความเข้าใจและลดความขัดแย้งในสังคม
3. ประสบการณ์และแรงจูงใจทางสังคม
ประสบการณ์ทำงานกว่า 30 ปีในแวดวงสื่อ ทำให้ ดร.สำราญ เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างข้อมูล ข่าวสาร และพฤติกรรมทางการเมืองของสังคม การทำงานในฐานะนักข่าวการเมืองเปิดโอกาสให้ท่านได้ใกล้ชิดกับกลไกอำนาจรัฐ เห็นทั้ง “ศักยภาพ” และ “ข้อบกพร่อง” ของระบบการเมืองไทย
จากการสะสมประสบการณ์ทางสังคมและจิตวิญญาณทางพุทธ ท่านจึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ ในการเลือกตั้งทั่วไปเดือนมีนาคม พ.ศ. 2535 ในนาม พรรคเกษตรเสรี ซึ่งเป็นพรรคขนาดเล็ก เน้นแนวทางเศรษฐกิจชนบทและการพึ่งพาตนเอง
แม้จะได้รับเพียง 330 คะแนน แบบไม่ได้หาเสียง แต่การตัดสินใจครั้งนั้นไม่ใช่เพียงเพื่อชัยชนะทางการเมือง หากเป็น “การเรียนรู้ชีวิตทางประชาธิปไตย” และ “การประกาศจุดยืนของพลเมืองผู้มีอุดมการณ์”
4. การวิเคราะห์เชิงพุทธสันติวิธีต่อการตัดสินใจทางการเมือง
4.1 มิติของ เจตนา (Cetanā)
ในทางพระพุทธศาสนา “เจตนา” เป็นรากเหง้าของกรรม การตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งของ ดร.สำราญ จึงเป็นการแสดงออกของเจตนาเชิงบวก คือมุ่งใช้การเมืองเป็นเครื่องมือสร้างสันติสุข มิใช่เพื่ออำนาจหรือตำแหน่ง
4.2 มิติของ สติปัญญา (Paññā)
จากพื้นฐานการศึกษาด้านสันติศึกษา ดร.สำราญ ใช้กระบวนการคิดเชิงวิพากษ์ วิเคราะห์เหตุและผลของสถานการณ์ทางการเมืองอย่างมีเหตุผล โดยยึดหลัก “มัชฌิมาปฏิปทา” หรือแนวทางสายกลาง ที่ไม่เอนเอียงไปสู่การเมืองแห่งความขัดแย้ง
4.3 มิติของ กรุณา (Karuṇā)
แรงจูงใจสำคัญของการลงสมัครรับเลือกตั้งเกิดจากความปรารถนาดีต่อประชาชนในพื้นที่ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านเกิด การมองเห็นความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาชุมชน ทำให้ท่านต้องการเป็น “เสียงสะท้อนแห่งความเมตตา” ผ่านช่องทางประชาธิปไตย
4.4 มิติของ อิทธิบาท 4
หากมองจากหลักธรรม อิทธิบาท 4 ได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา เป็นกรอบคิดสำคัญที่อธิบายการตัดสินใจของ ดร.สำราญ ได้อย่างครบถ้วน — มีฉันทะคือความรักในงานเพื่อสังคม วิริยะคือตั้งใจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จิตตะคือความมุ่งมั่นจริงใจ และวิมังสาคือการใคร่ครวญอย่างมีเหตุผล
5. การบูรณาการหลักพุทธสันติวิธีกับการเมืองประชาธิปไตย
แนวทางของ ดร.สำราญ สะท้อน “การเมืองเชิงพุทธ” (Buddhist Political Mindset) ซึ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงสังคมผ่านการสื่อสารด้วยสติและปัญญา ไม่ใช่การเผชิญหน้า ท่านเชื่อว่าความขัดแย้งทางการเมืองสามารถคลี่คลายได้ หากนักการเมืองยึดหลัก “อหิงสา–สติ–สมานฉันท์” เป็นพื้นฐาน
ในเชิงสังคมศาสตร์ การตัดสินใจลงสมัครของท่านจึงอาจมองได้ว่าเป็น “การกระทำเชิงสัญลักษณ์” (Symbolic Act) เพื่อประกาศอุดมการณ์ทางสันติภาพ มากกว่าการแสวงหาความสำเร็จเชิงอำนาจ
6. บทสรุป
การตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ของ ดร.สำราญ สมพงษ์ ในปี พ.ศ. 2535 เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของการเชื่อมโยง “พุทธสันติวิธี” เข้ากับ “พฤติกรรมทางการเมือง” ผลการวิเคราะห์ชี้ว่า การตัดสินใจดังกล่าวตั้งอยู่บนฐานของเจตนาบริสุทธิ์ ความศรัทธาในประชาธิปไตย และความปรารถนาในการใช้ธรรมะนำทางการเมือง
แม้ไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่การลงสมัครในครั้งนั้นสะท้อนคุณค่าทางจิตวิญญาณของ “พลเมืองเชิงสันติ” ผู้ใช้การเมืองเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างมีธรรมะ
ดังนั้น แนวทางของ ดร.สำราญ สมพงษ์ จึงเป็นแบบอย่างของ “นักการเมืองเชิงพุทธ” ผู้มุ่งสร้างความดี ความจริง และความงามให้ปรากฏในพื้นที่การเมืองไทย
เอกสารอ้างอิง
-
สำราญ สมพงษ์. (2560). ศึกษาวิเคราะห์รูปแบบการสื่อสารเพื่อสันติภาพในสื่อออนไลน์ตามแนวทางพุทธสันติวิธี: กรณีศึกษาเว็บไซต์หนังสือพิมพ์คมชัดลึก. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 4(1), 137–154.
-
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2563). ข้อมูลหลักสูตรสันติศึกษา.
-
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (2543). พุทธธรรม. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
-
Rawls, J. (1971). A Theory of Justice. Cambridge: Harvard University Press.
%20(1).png)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น