ทีมคนรุ่นใหม่ชาติพัฒนากล้าบุกพัทลุง ปลุกพลังคนเยาวชน เติมเป้าหมายให้ชีวิต นักเรียน-นักศึกษา สนใจรับฟังแน่นกว่าพันคน
เมื่อวันที่ 19 มกราคม ทีมงานคนรุ่นใหม่พรรคชาติพัฒนากล้าจากโครงการ My life My Goal นำโดย นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษานายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย นางสาววิเวียน จุลมนต์ ผู้ก่อตั้งโครงการฯ นายจูรี นุ่มแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.สงขลา และ นายธนาธร บุญสนิท นายกสโมสรโรตารี่พัทลุง ภาค 3330 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.พัทลุง ยกทีมไปร่วม ปลุกเป้าหมายชีวิต ให้กับนักศึกษา วิทยาลัยเทคนิคป่าพะยอม และ มหาวิทยาลัยทักษิณ จ.พัทลุง โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังกว่า 1 พันคน
นางสาววิเวียน หรือ อีฟ กล่าวว่า โครงการ My Life My Goal ก่อตั้งขึ้นมาเกือบ 1 ปี ตระเวนปลุกพลังเยาวชนตาม สถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หลายจังหวัดรวมถึงกรุงเทพมหานคร เพื่อต้องการให้เยาวชนที่หมดไฟในการตั้งเป้าหมายให้ชีวิต หมดพลังที่จะวางแผนการดำเนินชีวิต My Life MY Goal จึงเป็นเหมือน Event ที่จัดมาเพื่อเติมไฟ ปลุกฝันให้กับผู้เข้าร่วม ให้กล้าฝัน มองเห็นโอกาส
“ในฐานะที่เป็นอาจารย์สอนพิเศษ คลุกคลีกับเด็ก ๆ มานาน คำถามที่ได้ยินมาตลอดคือ เด็กมักจะพูดว่า ไม่อยากเรียนแล้ว ไม่อยากทำอะไรเลย ไม่รู้จะทำอะไรดี จึงอยากให้น้อง ๆ เปลี่ยนจากคำว่าไม่อยากทำ มาทำเลย ลงมือทำเรื่องอะไรก็ได้ เริ่มจากใกล้ตัวสุด ตั้งเป้าระยะสั้น วันนี้อยากทำอะไร ระยะกลาง จะต้องสอบวิชาไหน จะผ่านต้องทำยังไงบ้าง ลิสต์มันออกมา แล้ววางแผนชีวิตให้ไปถึงตรงนั้น วาดภาพตัวเองไปให้ถึง แล้ววางแผนไปให้ได้ อย่าฝันเฉยๆ แล้วนอนต่อ ไฟจะไม่มอดไปอีก หมั่นเติมไฟในใจให้กัน ให้กับตัวเอง ให้กับคนรอบข้าง เหมือนกันกิจกรรมวันนี้ เสวนาสบาย แล้วไปฟัง พี่ๆคนอื่นกันต่อว่า เส้นทางทำยังไงกัน จะเห็นว่าเรายังมีกิจกรรมสร้างสรรค์อีกมากมายที่เราสามารถทำได้ กล้าที่จะออกจาก comfort zone ลุกออกจากที่นอน แล้วคว้าโอกาสเพื่อมาพัฒนาตนเอง”นางสาววิเวียน กล่าว
นายธนากร กล่าวว่า กว่าที่ตนจะประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างเช่นทุกวันนี้ก็ผ่านความยากลำบากและอุปสรรคมามากมาย ตนเกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจนมาก ไม่มีบ้าน ใช้ชีวิตอยู่รวมกัน 5 คนในยุ้งข้าวแคบ ๆ ไม่เคยมีรองเท้าใส่ไปเรียน มีชุดนักเรียนชุดเดียว ปะแล้วปะอีก พอเรียนจบ ป.6 ไม่มีเงินเรียนต่อ ต้องออกไปรับจ้างทำงานก่อสร้าง ได้เงินมาก้อนแรก นำไปซื้อบ้านไม้หลังเก่าให้กับแม่ จากนั้นไปเรียน กศน. และเริ่มได้โอกาสสร้างธุรกิจ โดยมีคู่ชีวิตคอยสนับสนุน จนเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้าง ค่อย ๆ ทำจากเล็กไปใหญ่ และได้งานรับเหมาก่อสร้างปั๊ม ปตท.และบางจากทั่วประเทศ โดยในระหว่างนั้นก็ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม จนเรียนจบปริญญาโท เพราะคิดว่าการศึกษาคือรากฐานสำคัญของชีวิต ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการตั้งเป้าหมายให้ชีวิต คิดก่อนทำ และทำให้ดีที่สุด และโดยส่วนตัวแล้วก็มักจะสนับสนุนการศึกษามาโดยตลอด เพราะเข้าใจว่าเด็กที่ขาดโอกาสทางการศึกษาเป็นอย่างไร จึงอยากให้น้อง ๆ มีความมุ่งมั่น ตั้งเป้าหมายให้กับชีวิต สักวันโอกาสจะเป็นของเรา เหมือนอย่างตนทุกวันนี้ มีธุรกิจที่ส่งภาษีให้กับรัฐบาลปีละหลายล้านบาท
นายวรนัยน์ กล่าวว่า คนเราจะประสบความสำเร็จในได้ ต้องผ่าน 3 บทเรียนชีวิต คือ 1. ต้องอกหักอย่างน้อย 3 ครั้ง ถึงจะพบรักแท้ และรักสุดหัวใจ 2. จงฟังผู้ใหญ่แต่อย่าเชื่อผู้ใหญ่ เพราะถ้าเขารู้ทุกเรื่อง เก่งทุกอย่าง ป่านนี้ ประเทศไทยพัฒนาไปแล้ว แต่จงฟังประสบการณ์ ฟังมุมมองและความรู้ ความเชื่อของเขา แล้วนำมาคิดวิเคราะห์ พิจารณา ตัดสินด้วยตัวเอง
และ 3. ต้องมีเป้าหมายในชีวิต ฝันให้ไกล และไปให้ถึง และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ตนเข้าสู่ถนนการเมือง เพื่อนำเสนอนโยบาย กองทุนธุรกิจสร้างสรรค์ 10,000 กองทุน ๆ ละ 1,000 ล้าน โดยทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา สามารถนำเสนอไอเดียสร้างสรรค์ ใช้นวัตกรรมมันสมอง ก่อตั้งเป็นสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี เพื่อขับเคลื่อนแนวคิดให้เป็นรูปธรรม แต่สัจธรรมของการทำธุรกิจมักคู่มากับความล้มเหลว ซึ่งอาจจะล้มเหลวสัก 70% และได้นำประสบการณ์ไปใช้ในการปรับปรุงแก้ไข แต่มีอีก 30% ที่สำเร็จ และสามารถสร้างรายได้ สร้างงาน สร้างเงิน นับพันหมื่นแสนล้านให้กับประเทศ และ 1 ใน 30% อาจจะเป็นน้อง ๆ คนรุ่นใหม่ ที่นี่ก็ได้ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนสร้างโอกาสและไขว่คว้าความฝันของตัวเอง
ด้าน จูรี ดาวติ๊กต็อก ชื่อดัง ถ่ายทอดประสบการณ์ ตั้งแต่เด็กจนประสบความสำเร็จในชีวิตให้ฟังว่า ตนเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน และเป็นความจนที่ส่งต่อกันมานับชั่วอายุคน ตนจึงมีความฝันที่จะหลุดจากความยากจน นั้นด้วยการศึกษา ที่เชื่อว่าจะเป็นบันไดไปสู่การมีงานทำ และหาเงินรายได้มาเพื่อหลุดจากวงจรความยากจน จึงเดินทางเข้ากรุงเทพด้วยเงินก้อนเดียวที่แม่ให้มา และคิดว่าจะไม่ขอเพิ่มอีก ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนก็ตาม เริ่มจากการสมัครเข้าเรียน นิติศาสตร์ ม.รามคำแหง และรับจ้างทุกอย่างเพื่อส่งตัวเองเรียน ตั้งแต่แบกข้าวสาร จนถึงพนักงานเซเว่น มุ่งมั่นเรียนจนจบภายในเวลา 2 ปีครึ่ง จากนั้นได้รับราชการเป็นนักกฎหมาย และพอมีครอบครัว ก็ต้องการหารายได้เพิ่ม จึงไปประกวดในรายการเดี่ยวดวลไมค์ จนเป็นเป็นแชมป์ และเป็นบันไดไปสู่การเป็นผู้ประกาศข่าว มีรายได้ดี แต่ขาดการวางแผนทางการเงิน เมื่อเกิดวิกฤตโควิดตกงานเงินต้องเป็นหนี้ รถถูกยึด จึงมาศึกษาการหารายได้จากออนไลน์ในแพลตฟอร์ม เฟซบุค และติ๊กต็อก และทำอย่างจริงจัง สามารถสร้างชื่อเสียงและรายได้เป็นกอบเป็นกำ ในระยะเวลาเพียง 11 เดือน มีเงินจากการทำคอนเทนท์ และการรีวิวสินค้า กว่า 50 ล้านบาท ดังนั้น จึงอยากให้น้อง ๆ ได้ศึกษาหาแนวทางการทำมาหากินจาก สิ่งใกล้ตัวที่เราสนใจ วางเป้าหมายให้ชีวิต และเดินตามฝัน ไม่มีใครมาทำลายความฝันนั้นได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น