วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2566

"วรวุฒิ"ชาติพัฒนากล้า เผยประสบการณ์ฝังใจตั้งแต่เด็ก ครอบครัวเป็นหนี้นอกระบบจนเกือบล้มละลาย


เมื่อวันที่ 21 มกราคม  2566  นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดประสบการณ์ส่วนตัว ครอบครัวเคยประสบปัญหาการติดแบล็กลิสต์ ว่า เรื่องหนึ่งที่เป็นปมฝังใจมาตลอดชีวิต คือเรื่องของการเป็นหนี้นอกระบบ หลายท่านคงทราบดีแล้วว่า ตนเริ่มต้นชีวิตการทำงานกับธุรกิจที่บ้านที่อยู่ในภาวะหนี้ท่วมใกล้ล้มละลาย ส่วนหนึ่งเพราะความที่คุณพ่อมีหนี้สินเยอะ ทั้งที่ท่านไม่ใช่คนสำมะเลเทเมา เหล้าไม่กินบุหรี่ไม่สูบ มีการพนันบ้างก็ตรงชอบซื้อล็อตเตอรี่เสี่ยงโชค เคยถามแกว่าซื้อล็อตเตอรี่ทำไม ก็ได้คำตอบว่าเผื่อถูกรางวัลที่ 1 จะได้ปลดหนี้ได้เสียที นั่นคือภาวะหนี้ท่วมตัว ทำให้คุณพ่อมีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับล็อต เตอรี่

นายวรวุฒิ กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้คุณพ่อเป็นหนี้มากคือ ภาระชีวิตที่หนักหนาเอามาก ๆ เพราะอากงป่วยเป็นอัมพาตติดเตียงตั้งแต่อายุ 40 ต้น ๆ คุณพ่อเลยกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องทำงานหาเงินตั้งแต่อายุ16-17 ปี แถยังเป็นลูกชายคนโต มีน้องอีก 8 คน และยังมีลูกอีก 7 คน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณพ่อต้องทำงานหาเงินดูแลพ่อที่ป่วยเป็นอัมพาตตั้งแต่วัยหนุ่ม และดูแลน้อง ๆ ในวัยเรียนอีก 8 คน และเมื่อแต่งงาน ก็ยังมีลูกอีก7คนที่กำลังเด็กอยู่ในวัยเรียนอีก ตั้งแต่จำความได้ คุณพ่อทำงานหนักเช้าถึงมืดทุกวันไม่มีวันหยุดติดต่อกันหลายสิบปี ตั้งแต่ตนยังไม่เกิด จนเรียนจบมหาลัย แกถึงมีวันหยุดวันอาทิตย์แบบคนอื่น ๆ และแกเป็นคนค้าขายที่เฉลียวฉลาดมาก แต่ด้วยภาระที่หนักหนามาก ยังไงก็เป็นหนี้สินท่วมตัวมาตลอด

นายวรวุฒิ กล่าวว่า เพราะฉะนั้นตัดประเด็นว่าแกโง่หรือขี้เกียจทำให้เป็นหนี้ไปได้เลย คนที่ทั้งฉลาดทั้งขยัน แต่ทำไมทำธุรกิจแล้วยังหนี้ท่วม นอกจากภาระชีวิตแล้ว ก็เป็นเพราะการเป็นหนี้นอกระบบนี่แหละครับ ตอนผมมาเริ่มช่วยทำงานกับธุรกิจที่บ้าน ผมรวบรวมตัวเลขยอดขายทั้งปีอยู่ที่ 6-7 ล้านบาทต่อปี แต่พอมาดูตัวเลขฝั่งหนี้ แกเป็นหนี้ทั้งหมด 17ล้านบาทแรก ๆ ผมงงมาก แกเป็นหนี้เยอะแยะขนาดนี้ได้อย่างไร คำตอบที่พบคือ กู้หนี้ใหม่มาโปะหนี้เก่า แกเคยสอนผมว่า ชีวิตแกไม่เคยเช็คเด้ง และคนค้าขายต้องรักษาเครดิตตัวเองด้วยชีวิต นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด เงินกู้ในระบบแกมีมั้ย มีครับ 2 ล้านจาก 17ล้าน ที่เหลือเงินกู้นอกระบบล้วน ๆ 

อย่างไรก็ตาม นายวรวุฒิ กล่าวว่า โชคดีที่เงินกู้นอกระบบของคุณพ่อผมคือ เงินจากโต๊ะแชร์ และการแลกเช็คเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้กู้จากมาเฟียเงินกู้นอกระบบแบบในปัจจุบัน ไม่งั้นคงโดนอุ้มไปแล้ว แลกเช็คนี่เป็นยังไง สมมติว่าเราไปเอาเช็ค จากเจ้าหนี้มา1แสนบาท ขึ้นเงินได้วันพรุ่งนี้ เราก็เขียนเช็ค 1.15แสนให้เจ้าหนี้ในอีก90วันข้างหน้า เท่ากับอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อเดือน หรือ 60% ต่อปี และการแลกเช็คจะทำกันในหมู่แวดวงพ่อค้าคนรู้จักที่ผู้กู้ต้องเครดิตดี ไม่งั้นถ้าเช็คเด้งขึ้นมาอีกหน่อยไม่มีใครให้แลกเช็คอีก นี่คือสาเหตุที่คุณพ่อผมติดบ่วงของเงินกู้นอกระบบ ที่อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าในระบบ 6-7 เท่าเลยทีเดียว และยิ่งแลกเช็คกู้เงินใหม่ ไปโปะเงินกู้เก่า หมุนเงินแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หนี้สินถึงได้เพิ่มพูนเป็นดินพอกหางหมู ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แม้รอดไปวันๆแต่รอวันล้มหนักแน่ ๆ ที่จะมาถึงเมื่อหมุนไม่ทัน หรือเจอวิกฤติที่ทำให้ช็อตเงินและไม่มีใครให้กู้อีก นี่คือความเครียดหดหู่ท้อแท้หมดหวังของคนที่ติดบ่วงเงินกู้นอกระบบ ที่ครอบครัวตนเคยประสบมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"มจร"สีเขียวยุคAI! จัดกิจกรรม "รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม คืนขยะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน"

กิจกรรม “รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม” เป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานระหว่างจริยธรรมและเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ด้วยหล...