วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2568

วิเคราะห์กระบวนการขัดขวางการพัฒนาประชาธิปไตยในการเมืองไทย พ.ศ. 2568–2569

 

วิเคราะห์กระบวนการขัดขวางการพัฒนาประชาธิปไตยในการเมืองไทย พ.ศ. 2568–2569


บทนำ

ประเทศไทยเผชิญปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงปี พ.ศ. 2568–2569 ซึ่งสะท้อนความตึงเครียดระหว่างกระบวนการสร้างประชาธิปไตยเชิงสถาบันกับกลไกที่พยายามรักษาอำนาจของชนชั้นนำทางการเมืองและเครือข่ายราชการ-ทหาร การเมืองในช่วงเวลาดังกล่าวมีลักษณะเป็น “การเปลี่ยนผ่านที่ไม่สมบูรณ์” (unfinished transition) กล่าวคือ แม้จะมีการเลือกตั้งและการเปลี่ยนแปลงเชิงรูปแบบ แต่ยังคงปรากฏกระบวนการขัดขวางที่ทำให้ประชาธิปไตยไทยไม่สามารถพัฒนาอย่างยั่งยืน


กรอบแนวคิดทางทฤษฎี

การวิเคราะห์อาศัยแนวคิดหลัก ดังนี้

  1. ทฤษฎีประชาธิปไตยแบบขั้นตอน (Democratization Process Theory) – โดย Huntington (1991) ที่ชี้ว่าการเปลี่ยนผ่านมักเผชิญแรงต้านจากกลุ่มผลประโยชน์เก่า

  2. ทฤษฎีการเมืองแบบอุปถัมภ์ (Patron-Client Politics) – อธิบายการจัดสรรทรัพยากรและอำนาจที่ผูกพันระหว่างชนชั้นนำกับกลุ่มผลประโยชน์

  3. แนวคิด “ระบอบกึ่งประชาธิปไตย” (Hybrid Regime) – ของ Levitsky & Way (2010) ที่สะท้อนระบบการเมืองซึ่งมีการเลือกตั้งแต่ไม่สามารถสร้างการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรมได้


การวิเคราะห์กระบวนการขัดขวางประชาธิปไตย (พ.ศ. 2568–2569)

1. กลไกรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

  • บทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่ยังเปิดช่องให้วุฒิสภาและองค์กรอิสระใช้อำนาจเหนือผลการเลือกตั้ง

  • การตีความกฎหมายเพื่อจำกัดสิทธิของพรรคการเมืองและนักการเมืองฝ่ายที่มีแนวคิดปฏิรูป

2. การแทรกแซงขององค์กรตุลาการและองค์กรอิสระ

  • การตัดสิทธิ สั่งยุบพรรค หรือวินิจฉัยที่ส่งผลให้เสียงข้างมากของประชาชนถูกลดทอน

  • องค์กรอิสระทำหน้าที่ไม่เสมอภาคในการตรวจสอบพรรคการเมือง

3. อำนาจนอกระบบและกลุ่มผลประโยชน์

  • การกดดันผ่านกลไกทหาร ข้าราชการประจำ และเครือข่ายทุนผูกขาด

  • การสร้างวาทกรรมความมั่นคงและความจงรักภักดีเพื่อทำให้การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนถูกตีตรา

4. บทบาทของสื่อและสงครามข้อมูลข่าวสาร (Information Warfare)

  • การบิดเบือนข่าวสารในสื่อกระแสหลัก

  • การใช้กฎหมายไซเบอร์และการควบคุมพื้นที่ออนไลน์เพื่อลดทอนเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น

5. ปฏิกิริยาของภาคประชาชนและพรรคการเมือง

  • การชุมนุม การใช้สื่อออนไลน์เป็นพื้นที่ทางการเมืองทางเลือก

  • พรรคการเมืองที่พยายามผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญและนโยบายปฏิรูปถูกจำกัดบทบาทอย่างต่อเนื่อง


ผลกระทบต่อพัฒนาการประชาธิปไตย

  1. การลดทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกลไกรัฐสภา

  2. การสร้าง “ความไม่เป็นธรรมเชิงโครงสร้าง” (structural injustice)

  3. การทำให้สังคมไทยติดอยู่ในวงจร “ประชาธิปไตยครึ่งใบ”

  4. การขยายช่องว่างระหว่างประชาชนกับชนชั้นนำ


สรุป

การเมืองไทยในปี พ.ศ. 2568–2569 แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างแรงผลักดันเพื่อประชาธิปไตยกับแรงต้านจากโครงสร้างอำนาจเดิม กลไกรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และองค์กรอิสระถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจของกลุ่มผลประโยชน์ ขณะเดียวกัน ภาคประชาชนยังคงพยายามผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลง การพัฒนาประชาธิปไตยไทยจึงยังติดอยู่ในสภาวะก้ำกึ่ง และจำเป็นต้องอาศัยการปรับโครงสร้างอำนาจ การสร้างความโปร่งใสในสถาบันทางการเมือง รวมถึงการขยายพื้นที่เสรีภาพทางการแสดงความคิดเห็น จึงจะสามารถก้าวสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนได้


เอกสารอ้างอิง (บางส่วน)

  • Huntington, S. (1991). The Third Wave: Democratization in the Late Twentieth Century. University of Oklahoma Press.

  • Levitsky, S., & Way, L. (2010). Competitive Authoritarianism: Hybrid Regimes after the Cold War. Cambridge University Press.

  • ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์. (2566). ประชาธิปไตยไทยในกระแสโลก. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

  • ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์. (2565). การเมืองไทยและเส้นทางประชาธิปไตย. กรุงเทพฯ: ฟ้าเดียวกัน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...