วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561

พบเด็กด้อยโอกาส! อาศัยกศน.เป็นฐาน สู่ดร.สันติศึกษา "มจร"


พบเด็กด้อยโอกาส! อาศัยกศน.เป็นฐาน สู่ดร.สันติศึกษา"มจร" : ดร.มหาสำราญ สมพงษ์  สาขาสันติศึกษา มจร รายงานเอง

จากสภาพที่เป็นเด็กด้อยโอกาสหลวงปู่เก็บมาเลี้ยงให้เรียนหนังสือจนกระทั้งจบป.4 ไม่มีโอกาสที่จะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไปทั้งที่พ่อบอกว่าอยากได้อะไรต้องเรียนเอา เนื่องจากครอบครัวแตกแยกต้องอาศัยญาติและวัด หลวงพ่อจึงให้บวชเรียน พอสอบได้นักธรรมชั้นโท หลวงปู่พาเข้าศึกษาที่วัดในกรุงเทพฯ เพราะมีหลวงลุงที่เป็นญาติเป็นเจ้าสำนักอยู่ จึงมีโอกาสได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไป

โดยเข้ามาอยู่ที่วัดเทวราชกุญชร เขตดุสิต กรุงเทพมหานครในปี 2523 สอบนักธรรมเอกและป.ธ.1-2 ได้ เนื่องจากการเทียบวุฒิการศึกษาสมัยนั้นยังไม่แน่นอน และการเรียนทางธรรมก็ไม่แน่นอนเช่นเดียวกันว่าแต่ละปีจะสอบได้หรือไม่ จึงใช้วิธีโดดกำแพงวัดไปเรียนศึกษาผู้ใหญ่หรือการศึกษานอกระบบ(กศน.) และความรู้ต่างๆมากมายทั้งคอมพิวเตอร์ ภาษาอังกฤษ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ดีเบส โลตัส เวิร์ดราชวิธี จุฬา เป็นต้น แต่หัวไม่ไปจึงไม่สามารถที่จะเอาดีทางเขียนโปรแกรมได้

ตอนนั้นวุฒิการศึกษาทางโลกจบแค่ป.4 ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีสอบเทียบ เริ่มตั้งแต่สอบเทียบป.6 จำได้ว่าสนามสอบคือวัดราชบพิตร มีให้วาดรูปโจทย์ก็คือรูป 4 เหลี่ยมแล้วขีดเส้นลงมา แล้วจะวาดรูปอะไรหละครับ ทักษะการวาดรูปไม่มี แต่ที่จำติดตาก็คือพี่สาวลูกอาหงส์ชอบปักผ้ารูปดอกไม้ลายไม้เลื้อย ก็ใช้กรอบความคิดนั่นแหละครับวาดเป็นรูปดอกไม้เรียบร้อยผลออกมาสอบได้ป.6 ครับได้ใบประกาศนียบัตรมาสมใจ

เมื่อได้ป.6 แล้วช่วงนั้นเรียนป.ธ. 3 ด้วยและเรียนโรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนวัดอินทรวิหารเรียน 3 ปีจบ ม.3 และช่วง 3 นี้ก็สอบป.ธ. 4 ได้ เรียนป.ธ. 5 ที่สำนักเรียนวัดชนะสงคราม และที่วัดแห่งนี้ได้ฝึกวินัยอย่างหนึ่งคือการฉันภัตตราหารต้องมีซ้อนกลาง ทำให้ได้ฝึกตอนแรกก็ไม่ชอบนานๆไปเกิดความเคยชินและเกิดความชอบ ดังนั้นได้ความรู้คือวินัยต้องฝึกครับแค่สอนไม่เพียงพอ

ส่วนทางโลกคือต้องสอบเทียบ ม.5 ที่โรงเรียนวัดชิโนรสฝั่งธนบุรี ครั้งแรกตกครับไม่ผ่าน พอดีมีการเปลี่ยนระบบเป็นสอบ ม.6 เก็บรายวิชาคือต้่องได้ 8 รายวิชา และทำกิจกรรม ที่โรงเรียนโยธินบูรณะ ผมเด็กโยธินนะครับ จำหน้าอาจารย์ที่ควบคุมได้แต่จำชื่อไม่ได้แล้ว สอบครั้งแรกได้ 7 รายวิชาคะแนนระดับ 1 เป็นส่วนมาก 555 เพราะอาศัยอ่านหนังสือสอบ วิชาที่ตกคือวิชาภาษาไทย ก็เจ็บใจนะครับ เพราะว่าเรียนภาษาบาลีก็น่าจะสอบผ่านได้ง่ายๆ ไม่มีปัญหา จึงต้องสอบในปีต่อไปและในปี 2529 สามารถสอบผ่านวิชาภาษาไทย ขณะเดียวกันก็สอบป.ธ.5 ได้

จึงมีการคำนวนครับว่าภายใน 4 ปีหากเรียนภาษาบาลีอย่างเดียวไม่แน่ว่าจะสอบป.ธ.9 ได้หรือไม่ แต่หากเข้าเรียนมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) 5 ปีได้รับปริญญาตรีอย่างแน่นอน เพราะชีวิตผมจะตั้งอยู่บนฐานความไม่แน่นไม่ได้ จึงตัดสินใจเรียนระดับป.ตรีที่ มจร ในปี 2529 ขณะเดียวกันก็เรียนป.ธ.6 ที่วัดชนะสงครามต่อปรากฏว่าสอบ 2 ปีสอบไม่ได้จึงเน้นทางระดับปริญญาตรี

พอเรียน มจร ช่วงนั้นยังไม่ได้รับการรองจากรัฐบาลและมีการวิจารณ์ว่าเป็นมหาวิทยาลัยเถื่อน เมื่อรัฐไม่รับรองแต่ต่างประเทศรับรองจึงมุ่งหน้าเรียนต่อไป ขึ้นปี 3 มีการแยกคณะผมตัดสินใจเรียนคณะพุทธศาสตร์เอกปรัชญา โดยมีฐานความคิดว่า หากผมเรียนเอกพุทธศาสนาผมจะได้ความรู้เพียงด้านศาสนาเท่านั้น แต่เรียนเอกปรัชญาแล้วผมได้ทั้งสองทาง จะเห็นได้ว่าแต่ละช่วงผมมีฐานความคิดในการตัดสินใจโดยไม่มีที่ปรึกษา

แต่ได้ไอดอลตอนนั้นคืออาจารย์จำนงค์ ทองประเสริฐ สอนวิชาตรรกศาสตร์ชอบและจำสูตรได้เพียงสูตรเดียว มนุษย์ทุกคนเป็นสัตว์ที่ต้องตาย ผมเป็นมนุษย์ ดังนั้นผมต้องตาย(ประยุกต์) ความจริงสูตรตรรกศาสตร์มีหลายสูตร และสูตรทางคณิตศาสตร์อีก แต่ไม่ค่อยเข้าใจ ความจริงแล้วในระดับประถมศึกษาผมเก่งคณิตศาสตร์แต่พอการศึกษาไม่ต่อเนื่องไปเรียน ม.3 รู้สึกว่ายากครับ จึงทำให้เรียนตรรกศาสตร์ไม่เข้าใจและนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ไม่ได้

เรียน มจร 4 ปีและฝึกงานอีก 1 ปีจึงได้รับปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต เอกปรัชญา เกียรตินิยมอันดับ 2 พธ.บ.รุ่น 36 ในปี 2534 สมใจ เมื่อจบป.ตรี ได้เรียนต่อระดับป.โทที่ มจร และที่มหาวิทยาลัยศิลปากรคณะโบราณคดี สาเหตุที่เลือกเรียนคณะโบราณคดีเพราะมีรายวิชาที่เกี่ยวเนื่องกับปรัญชาอยู่ แต่ก็ต้องไปติดที่ต้องเรียนภาษาสันสกฤตด้วยก็ไม่ถนัดอีก เรียนได้ปีกว่ามีเหตุต้องลาสิกขาในปี 2535 โดยอาศัยช่วงนั้นมีการอนุศาสนาจารย์ กองทัพบก 18 นาย และเป็นช่วงที่มีการประท้วงทางการเมืองพอดี หลวงลุงดูท่าทางไม่เห็นด้วยแต่ไม่ขัดจึงสึกสอบอนุศาสนาจารย์ ตอนที่มีการแนะนำระเบียบตอนสอบนั้นมีอยู่คำนึงคือ อนุศาสนาจารย์ก็ไม่ต่างอะไรกับสามเณรเพราะมีระเบียบปฏิบัติมากพอสมควร เท่านั้นแหละครับเริ่มถอดใจแล้วเพราะเราอยู่ในกรอบมาตลอด บวกกับมีการสอบวิ่ง บรรยายแม้จะผ่านการขึ้นธรรมมาสน์แต่ก็ยังสั่นอยู่ ปรากฏว่าไม่ผ่านครับ

อนาคตไม่ได้เป็นทหารรับใช้ชาติ ไปเกณฑ์ทหารเดือนเมษายนจับใบดำ หากสอบได้อนาคตก็คงจะติดยศเยอะอยู่เพราะเริ่มติดยศ ร.ต. เป็นต้น

เมื่อวาสนาไม่ได้เป็นทหารก็หางานทำครับไปทำที่ร้าน 7-11 เป็นเวลา 5 เดือน ลาออกเพราะไม่ชอบ จึงไปทำงานตำแหน่งบัสบอยที่โรงแรมเอเชียอยู่ 20 วัน ต้องบอกว่าเป็น 20 วันที่มีค่ามากที่สามารถฝึกให้เราเข้าสังคมไฮโซได้ เพราะต้องมีการเซตโต๊ะอาหารรู้ว่าอุปกรณ์แต่ละชนิดจะวางตรงไหน นอกนี้มีการเทรนด์และการเปลี่ยนผลัดจะมีการอบรมก่อนทั้ง 2 กะ ทำให้เกิดความคิดว่าหากนำระบบนี้มาใช้กับการทำงานในระบบเปลี่ยนผลัดแล้วจะทำให้งานราบเรื่อน

และในช่วงที่ยังไม่ได้ทำงานที่ร้าน 7-11 นั้นเป็นช่วงที่มีการเลือกตั้ง ส.ส.มีคนชวนไปลงสมัครที่จังหวัดศรีสะเกษระบบเป็นพ่วงไม่มีการหาเสียงไม่ได้รับเงินหาเสียง 555 แต่อาศัยนามสกุลสมพงษ์ได้มาจำนวน 1 พันคะแนนเยอะนะ นอกจากนั้นก็ยังไปสอบที่กรมวิชาการ และกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการไม่ได้ครับ แต่หากสอบได้ที่กรมการศาสนาตอนนั้นยังไม่แยก พ.ศ.ออก มาถึงวันนี้ก็หนาวๆร้อนว่าจะโดนหางเลขเงินทอนวัดหรือไม่เพราะเราเป็นคนซื่อค่อนข้างหัวอ่อน เพราะตอนเด็กไม่มีอาหารบำรุงสมอง

พอดีทำงานที่โรงแรมเอเชียได้ 20 วัน อาบุญจันทร์แนะนำให้ไปทำงานที่หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจเพราะเห็นว่าเป็นพระมาก่อน เพราะอาบุญจันทร์รู้จักกับพี่เงาะ(ทวีศักดิ์ ศรีบาน) ที่เป็นหัวหน้าข่าวการเมืองอยู่ ไปครับ คนที่สัมภาษณ์คือพี่อดิศักดิ์ ลิมปรุงพัฒนกิจ ที่เป็นผู้บริหารอยู่ได้ถามว่า คุณมาจากพระแล้วจะสู้คนอื่นเขาได้หรือ ตอบว่า สู้ครับ จำได้ประมาณนี้

หลังจากก็ทำงานที่หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังกัดในองค์กรภายในที่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนการทำหน้าที่นักข่าวข้างนอกนั้น เริ่มสังกัดที่กระทรวงศึกษาธิการและดูแลข่าวที่กระทรวงสาธารณสุขไปด้วยสมัยนั้นเกิดกรณีหมอมรกต ส่วนกระทรวงศึกษาธิการมีนายสัมพันธ์ ทองสมัครเป็นรัฐมนตรีทำแผนการศึกษา 9 ปี ส่วนการดูแลข่าวพรรคการเมืองนั้นได้ดูพรรความหวังใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคกิจสังคม

ต้องบอกว่าตั้งแต่ที่เข้าไปทำงานเป็นักข่าวนั้นไม่มีพื้นฐานนิเทศศาสตร์เลยอาศัยครูัพักลักจำและเพื่อนจึงสามารถผ่านมาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ช่วงที่มาทำเว็บไซต์คมชัดชึกนั้นก็มีการคำนวนว่าสื่อออนไลน์นั้นจะมีการสำคัญในอนาคตเพราะเริ่มเล่นบล็อก เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์

ผ่านร้อนผ่านหนาวที่เครือเนชั่นอยู่ 20 ปีกว่า และช่วงที่ทำงานอยู่สิ่งที่หนึ่งที่มีคือ "ความพอ" กับเงินเดือนที่ได้รับ ตั้งแต่นั้นมาจึงไม่มีความรู้สึกอะไรกับการเงินเดือนในแต่ละปีจะได้เอ็กตร้าหรือไม่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก็คิดว่าทำงานสื่อมีโอกาสให้ช่วยเหลือสังคมส่วนร่วมเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

ในปี 2556 ช่วงนั้นมีการเล่นเฟซบุ๊ก ทางว่าทาง มจร จะมีการเปิดหลักสูตรสันติศึกษา แต่ก็คำนวนอยู่นานเหมือนกันว่าเราจะเรียนต่อระดับป.โทด้านปรัชญาอย่างที่เรียนมาหรือไม่ หรือว่าจะเรียนแนวประยุกต์ แต่คิดว่าเราห่างจากปรัชญามานานคงจะยากอยู่พอสมควร จึงตัดสินใจเรียนสันติศึกษา แต่ก็ยังเบลออยู่เหมือนกันว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่พอเข้าไปเรียนตอนนี้ดูแลเว็บไซต์คมชัดลึกอยู่จึงเป็นที่มาของการทำวิทยานิพนธ์เรื่องเรื่อง “ศึกษาวิเคราะห์รูปแบบการสื่อสารเพื่อสันติภาพในสื่อออนไลน์ตามแนวทางพุทธสันติวิธี : กรณีศึกษาเว็บไซต์หนังสือพิมพ์คมชัดลึก" ซึ่งช่วงที่เรียนนี้มีความรู้สึกว่าที่เราเรียนปรัชญานั้นไม่เสียหลาย เพราะระดับป.โทต้องเรียนแนวคิดทฤษฎีนักปรัชชาทั้งหลายจึงเข้าทาง สนุกกับความคิดวิเคราะห์เชื่อมโยงศาสตร์ภายนอกกับหลักพุทธธรรม และสามารถเรียนจบป.โท และเรียนต่อป.เอกสาขาสันติศึกษาเช่นเดิมและตอนนี้โครงร่างดุษฎีนิพนธ์ผ่านแล้ว

ชะตาและกรรมลิขิตให้เด็กด้อยโอกาสคนหนึ่ง อาศัยการศึกษานอกระบบจนสามารถเรียนต่อในระดับปริญญาเอก และสาขาสันติภาพด้วย ต้องบอกว่าไม่ง่ายต้องผ่านการทดสอบมากมายกว่าจะผ่าน โดยได้กระตุ้นใจตัวเองอยู่เสมอว่าจะต้องผ่านไปให้ได้ เพื่อเป็นฐานให้กับอนุชนรุ่นต่อไป โดยเข้าพิธีประสาทปริญญาในวันที่  13 ธันวาคม พ.ศ.2563 ที่ มจร  อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"โคกหนองนาโมเดล" จากจุดเริ่มต้นชุมชนแห่งความเอื้ออาทร ผ่านหลักธรรมแห่งการให้

โครงการ "โคกหนองนาโมเดล" เป็นตัวอย่างที่สำคัญในการพัฒนาชุมชนผ่านหลักธรรมและแนวคิดของการให้ ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างความยั่งยืนในชุม...