วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2561

โหราศาสตร์ กับ พระพุทธศาสนา ?





วันที่ 7 สิงหาคม 2561  เฟซบุ๊ก Naga King ได้โพสต์ข้อความว่า โหราศาสตร์ กับ พระพุทธศาสนา ?

@ ผมว่าลองเปลี่ยนเรื่องจากกรณีของพระสงฆ์มาเป็นเรื่องอื่นๆก็ดีนะครับ เอาที่ห่างตัวพระออกมาหน่อยก็คือเรื่องของ "โหราศาสตร์" หรือเรื่องของการพยากรณ์โชคชะตา ดวง หมอดู หรือการคาดการณ์ความน่าจะเป็น โดยการคาดการณ์นั้นมักเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งคนเราอยากรู้มากในเรื่องอนาคต

@ ถามว่าทำไมคนเราถึงอยากรู้ในเรื่องของอนาคตมากนัก คำตอบก็คือเพราะคนเราเห็นว่าถ้ารู้การณ์ล่วงหน้าแล้วจะสามารถป้องกันได้ คือ (๑) รู้เพื่อป้องกันตัว (๒) รู้เพื่อเอาเปรียบผู้อื่น (๓) รู้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นและช่วยเหลือตัวเอง ผมว่าการอยากรู้เรื่องอนาคตมันก็มีเหตุผลรองรับอยู่ ๓ ประการนี้แหละ

@ ผมว่าความปรารถนาที่จะรู้เรื่องอนาคต เป็นความปรารถนาที่จัดว่าเป็นกิเลสอย่างหนึ่งของมนุษย์อย่างเรา ใครๆที่ยังมีกิเลสก็จะอยากรู้อนาคตด้วยกันทั้งนั้นนอกเสียจากท่านผู้บรรลุธรรมแล้วถึงจะไม่อยากรู้เรื่องอนาคต

เมื่อเป็นเช่นนั้น มนุษย์จึงพยายามที่จะหา "วิชาการบางอย่างมาตอบสนองความอยากรู้ของตนเอง" โดยวิชาที่มาตอบโจทย์ในเรื่องของความรู้กาลข้างหน้าหรือกาลในอดีตนี้ เราเรียกว่า "วิชาโหราศาสตร์" หมายถึง วิชาที่ว่าด้วยการพยากรณ์ โดยอาศัยการโคจรของดวงดาวเป็นหลัก(ราชบัณฑิตยสถาน: ๒๕๔๖:๑๓-๑๔)

หรือเป็นวิชาที่ว่าด้วยการทำนาย และการพยากรณ์โชคชะตาของมนุษย์ และปรากฏการณ์ต่างๆ ของโลก โดยอาศัยตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ เป็นเครื่องชี้ โดยมีคำหนึ่งที่ใช้เรียกแทนโหราศาสตร์ คือ “โชยฺติษศาสตร์” ซึ่งแปลว่า “วิชาที่ว่าด้วยแสงสว่าง” ในภาษาอังกฤษ เรียกวิชานี้ว่า “แอสโตรโลยี่” แปลว่า “วิชาที่ว่าด้วยดวงดาว”(พระยาบริรักษ์เวชการ:๒๕๓๕:๒)

หรือคำว่า “โหราศาสตร์” รับมาจากอินเดีย เกิดจาก “โหรา” ที่มาจาก อโหราตร์ หรือ อโหรตฺต แปลว่า วัน และคืน กับ คำว่า “ศาสตร์” คือความรู้รวมกัน คือ ความรู้เกี่ยวกับเวลา เราสามารถกำหนดเวลาได้ ด้วยการอาศัยการเคลื่อนที่ของโลก ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ซึ่งมีความสัมพันธ์ต่อชีวิตมนุษย์ ตั้งแต่ถือกำเนิดมาบนพื้นโลก ก็มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวพระเคราะห์ต่างๆ โคจรอยู่แล้วในระบบสุริยจักรวาลนี้ การอธิบายความเป็นมาของโหราศาสตร์ ย่อมต้อง กล่าวถึงความเป็นมาของดาราศาสตร์ด้วย(เทพย์ สาริกบุตร:๒๕๑๑:๓)

@ พระพุทธศาสนากับ โหราศาสตร์ ?

คำถามว่าพระพุทธศาสนามีความสัมพันธ์กับโหราศาสตร์อย่างไร ซึ่งตามจริงแล้วพระพุทธศาสนาปฏิเสธความรู้้แบบดารคาดเดาอยู่แล้วโดยเฉพาะโหราศาสตร์ในคัมภีร์ทีฆนิกาย สีลขันธวรรคพูดไว้ชัดเรื่องนี้ นอกจากนั้น การคาดเดาตามแบบตรรกะหรือการหาความน่าจะเป็นของความจริงแบบตรรกะก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พระพุทธศาสนาปฏิเสธว่าไม่อาจจะเข้าถึงความจริงสูงสุดได้ การเข้าถึงความจริงของพระพุทธศาสนานั้นเป็นไปได้ด้วย "หลักกรรม"หรือหลักของการลงมือทำมากกว่าการคาดเดาความจริง ดังนั้น พระพุทธศาสนาจึงปฏิเสธการเข้าถึงความจริงผ่านการคาดเดานี้ อันนี้ว่ากันตามหลักก่อนนะครับ เนื่องจาก

(๑) พระพุทธศาสนาพูดถึงความจริงตามหลักของเหตุผล ได้แก่ความจริงที่เรียกว่า อริยสัจ ๔ และมรรค ๘ ส่วนโหราศาสตร์พูดถึงความจริงจากการ "คาดคะเน"จากดวงดาว หรือจากหลักวิชาอื่นๆ เช่น ท้องฟ้า เงื่อนไขเรื่องเวลา ที่เกิดตามธรรมชาติเป็นต้น

(๒) พระพุทธศาสนาเน้นความจริงที่เป็นเรื่องของตนเอง คือความจริงนั้นต้องพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง คือ การฝึกฝนตนเอง ส่วนโหราศาสตร์ เน้นความจริงที่มาจากภายนอก เช่น ดวงดาวว่าอย่างนี้ชีวิตเราจะต้องเป็นไปตามนี้ อันนี้จัดว่าดูชีวิตจากดวงดาวที่เป็นความจริงจากภายนอกสู่ความจริงที่เป็นชีวิตของตนเอง

(๓) พระพทธศาสนาเน้นความจริงที่เกิดจากกรรมและการกระทำ เหตุผลเรื่องกรรมเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับดวงดาว กรรมดีย่อมให้ผลดี กรรมชั่วย่อมให้ผลที่ไม่ดี เป็นหลักคิดที่สำคัญ ส่วนโหราศาสตร์เน้นว่า ชีวิตเราจะดีหรือไม่ดีเพราะอิทธิพลของ (๑) ดวงดาว (๒)เทพเจ้า (๓) สิ่งเหนือธรรมชาติ เป็นต้น การที่จะได้รับผลดีกับชีวิตจะต้อง "ทำพลี ดวงดาว เทพเจ้าและสิ่งเหนือธรรมชาติเท่านั้น"

เพราะเมื่อดวงดาวเคลื่อนที่หรือเทพเจ้าให้พรเมื่อไหร่สิ่งดีๆก็จะเกิดกับชีวิตเราทันที ดังนั้น โหราศาสตร์จึงเน้นให้ทำการ "สะเดาะเคราะห์จึงจะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความดีกับตัวเอง แต่พระพุทธศาสนาไม่ได้คิดเช่นนั้น กรรมดีให้ผลดีได้ กรรมชั่วให้ผลชั่วได้ แต่หากจะลดชั่วต้องทำดีด้วยการนั่งสมาธิเจริญสติและทำวิปัสสนาเท่านั้นจึงจะดี ไม่ได้ดีเพราะคำอวยพรของเทพเจ้าแต่อย่างใด

@ ชาวบ้านกับเรื่องของโหราศาสตร์ ?

ยุคปัจจุบันชาวบ้านสนใจเรื่องโหราศาสตร์มาก เพราะเห็นว่าโหราศาสตร์เป็นเรื่องที่ "ไม่เสียหาย" เชื่อได้ไม่ลำบากใคร แต่เมื่อไหร่ที่เชื่อหนักๆก็หันกลับหลังหรือเปลี่ยนความเชื่อแทบไม่ได้ หลายรายก็สิ้นเนื้อประดาตัวจากบรรดาหมอดูหรือนักโหราศาสตร์ได้ ข้อดีของโหราศาสตร์กับชาวบ้าน คือ ก่อให้เกิดความสบายใจ เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย เอาแค่ประดับความรู้อย่าลุ่มหลงมากนัก

นักโหราศาสตร์ปัจจุบันมาแบบแพคเกต คือมาพร้อมกับ (๑) หมอด (๒) ร่างทรง (๓) นักพยากรณ์กรรม (๔)ไพ่ยิปซี (๕) หมอดูเต่า (๖)หมอไสยศาสตร์ ฯลฯ พวกนี้จะมาพร้อมๆกัน คือเมื่อเป็นอันใดอันหนึ่งก็จะเป็นอีกออันได้ เช่น เป็นหมอดูก็จะเป็นร่างทรง หรือเป็นหมอสะเดาะเคราะห์ไปด้วย เผื่อมีคนอยากทำก็ทำให้ได้ไม่ต้องไปไกล หมอดูก็จะเป็นหมออื่นๆตามมาแต่ที่แน่ๆจะเป็นร่างทรงเสียเป็นส่วนมากเพราะหมอดูโดยมากมักอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประกอบความเชื่อเพื่อหาตังค์

@ พระสงฆ์กับโหราศาสตร์ ?

อย่างผมว่าบางทีพระท่านก็ไม่ได้เป็นหมอด แต่ท่านเรียนมาสมัยที่เป็นโยมพอมาบวชมีคนถามก็เลยใช้วิชาเก่ามาออกฤทธิ์เดชเพื่อหาลาภสักการะหน่อยก็ได้ตามที่หวังทำให้คนทั่วไปเชื่อมาก เนื่องจากเพิ่มแพคเกตความเป็นพระเข้ามาด้วยยิ่งทำให้เกิดความเชื่อหนักแน่นขึ้นไปอีก ตามพระวินัยพระที่ทำตัวเป็นหมอดูนี่ผิดนะครับเพราะจัดเป็นเดรัจฉานวิชา ผมว่าไม่ต้องมาเถียงผมว่าไม่เป็น แค่รู้ว่าไม่ควรกับพระก็พอส่วนรู้ว่าไม่เหมาะแล้วท่านจะไปแก้อย่างไรเท่านั้นเอง ผมว่าแค่พระท่านเป็นหมอดูแบบจำเป็นดูเป็นเรื่องขำๆก็ไม่เสียหายนะครับ แต่ถ้าดูแบบเปิดสำนักดูหมอ สักยันต์ไปด้วยนี่ผมว่าอาการหนักหน่อยเพราะจะเข้าข่ายหลอกลวงชาวบ้าน

@ ท่าทีของพระพุทธศาสนากับโหราศาสตร์

พระพุทธองค์ทรงปฏิเสธการดูดวงดาวอยู่แล้วเนื่องจากทรงเห็นว่า "กรรมเป็นใหญ่และกรรมก็มีอิทธิพลกับมนุษย์มากกว่าดวงดาว ถ้าเราทำดีเลยแล้วดวงดาวจะทำอะไรได้ เพราะหากเรามีมัวคิดถึงแต่เรื่องดวงดาวเคลื่อนลัคนาไปทางไหนมีอิทธิพลอะไร ที่สุดเราก็จะไม่ต้องทำอะไร เอาแค่ดูดวงดาวอย่างเดียว วันเวลาก็ผ่านไปๆที่สุดก็จะไม่ได้อะไร ชีวิตมันน้อย ดังนั้น จึงทรงสอนให้ชาวพุทธทำความดี เว้นความชั่วและฝึกฝนจิใจของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องไปคิดมากเรื่องดวงดาวเพราะมันไม่มีประโยชน์ แต่ก็อย่างว่าคนเราเมื่อไม่ทำที่สุดก็จะต้องการ "ตัวช่วย" มาทำให้เกิดความมั่นใจก็เท่านั้นเองครับ

เอาล่ะครับ เอาแค่พอเป็นประเด็นเท่านี้พอส่วนท่านใดมีอะไรก็ว่ามาตามนั้นครับ

ขอบคุณครับ

Naga King

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หนังสือ: หลักสูตรนักธรรมตรียุคเอไอ

คิดเขียนโดยดร.สำราญ สมพงษ์ - แชทจีพีที (เป็นกรณีศึกษา) สารบัญ 1. คำนำ ความสำคัญของการศึกษานักธรรมในสังคมไทย ความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัลแ...