วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568

นโยบายพรรคใด ส่งเสริมเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู ในการเลือกตั้งปี 2569


วิเคราะห์นโยบายพรรคการเมืองไทยในการส่งเสริมเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูในการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2569: โอกาสสินค้าไทยในตลาดยั่งยืนโลก


1. บทนำ: พลวัตโลกและจุดเปลี่ยนเกษตรกรรมไทย

1.1 บริบทของวิกฤตซ้อนวิกฤต (Polycrisis) และความจำเป็นในการฟื้นฟู

ภายใต้สถานการณ์โลกปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับสภาวะ "วิกฤตซ้อนวิกฤต" (Polycrisis) ซึ่งประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง (Climate Change) ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และความไม่มั่นคงทางอาหาร (Food Insecurity) ภาคเกษตรกรรมของไทยกำลังยืนอยู่บนทางแพร่งที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี พ.ศ. 2569 (ค.ศ. 2026) จะไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขันทางการเมืองเพื่อแย่งชิงอำนาจรัฐ แต่จะเป็นการประชันวิสัยทัศน์ในการกำหนดทิศทางความอยู่รอดของระบบนิเวศเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ

รายงานฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์เจาะลึกถึงนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคการเมืองไทยในการตอบสนองต่อกระแส "เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู" (Regenerative Agriculture) ซึ่งสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ได้ระบุว่าเป็น "ขุมทรัพย์" ใหม่สำหรับการส่งออกสินค้าไทยในตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน 1 แนวคิดนี้ก้าวข้ามเกษตรกรรมแบบดั้งเดิมที่เน้นเพียงผลผลิต (Yield) หรือเกษตรอินทรีย์ (Organic) ที่เน้นความปลอดภัย ไปสู่การ "ฟื้นฟู" ทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งดิน น้ำ และความหลากหลายทางชีวภาพ ให้กลับมาสมบูรณ์ เพื่อเป็นฐานการผลิตที่ยั่งยืนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2

1.2 แรงกดดันจากระเบียบโลกใหม่: EUDR และ CBAM

ปัจจัยภายนอกที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญให้นโยบายเกษตรในการเลือกตั้งปี 2569 ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฝ่ามือ คือ กฎระเบียบทางการค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EU Deforestation Regulation: EUDR) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้อย่างเข้มข้นในช่วงปี 2568-2569 3 กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้สินค้าเกษตร 7 ชนิด ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน กาแฟ โกโก้ ไม้ ถั่วเหลือง และโคเนื้อ ที่จะส่งเข้าไปยังตลาด EU ต้องผ่านการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ว่าไม่ได้มาจากพื้นที่ที่มีการตัดไม้ทำลายป่าหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2563 4

นอกจากนี้ มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) แม้ในระยะแรกจะเน้นสินค้าอุตสาหกรรม แต่มีแนวโน้มที่จะขยายครอบคลุมสินค้าเกษตรแปรรูปและปุ๋ยเคมีในอนาคต 5 สถานการณ์เหล่านี้สร้างแรงกดดันให้พรรคการเมืองต้องขยับตัวจากนโยบายประชานิยมแบบดั้งเดิมที่เน้นการอุดหนุนราคาหรือแจกเงิน มาสู่การเสนอนโยบายเชิงโครงสร้างที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถปรับตัวเข้าสู่มาตรฐานโลกใหม่นี้ได้ หากล้มเหลว ไทยอาจสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดมหาศาลให้กับคู่แข่งอย่างเวียดนามที่มีการปรับตัวเชิงรุก 6

1.3 นิยามและความสำคัญของ "เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู" ในบริบทไทย

เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) ในบริบทของนโยบายสาธารณะไทย มิใช่เพียงเทคนิคการเพาะปลูก แต่เป็นกระบวนทัศน์การพัฒนาที่ครอบคลุมถึง:

  • การฟื้นฟูดิน (Soil Regeneration): การมองดินเป็น "สินทรัพย์ที่มีชีวิต" (Living Asset) ที่ต้องได้รับการดูแลผ่านการลดการไถพรวน (No-till farming) การปลูกพืชคลุมดิน และการเติมอินทรียวัตถุ 1

  • การกักเก็บคาร์บอน (Carbon Sequestration): การเปลี่ยนภาคเกษตรจากผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นผู้ดูดซับคาร์บอน เพื่อสร้างรายได้ใหม่จากคาร์บอนเครดิต 8

  • ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity): การส่งเสริมวนเกษตรและเกษตรผสมผสานเพื่อลดความเสี่ยงจากศัตรูพืชและสภาพอากาศ 10


2. ภูมิทัศน์นโยบายพรรคการเมือง: การปะทะกันของสองกระบวนทัศน์

จากการวิเคราะห์ข้อมูลและแนวนโยบายของพรรคการเมืองหลัก พบว่าสนามการเลือกตั้งปี 2569 จะเป็นการต่อสู้ระหว่างสองแนวคิดหลักในการขับเคลื่อนเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู ได้แก่ "แนวทางตลาดนำ นวัตกรรมเสริม" ของพรรครัฐบาล (เพื่อไทย) และ "แนวทางปฏิรูปโครงสร้างและสิทธิ" ของพรรคฝ่ายค้าน (ประชาชน)

ตารางที่ 1: เปรียบเทียบยุทธศาสตร์และนโยบายเกษตรยั่งยืนของพรรคการเมืองหลัก

หัวข้อเปรียบเทียบพรรคเพื่อไทย (Pheu Thai)พรรคประชาชน (People's Party)พรรคภูมิใจไทย (Bhumjaithai)พรรคประชาธิปัตย์ (Democrat)
ปรัชญาหลัก

ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ 3 เท่า 11

ปฏิรูปโครงสร้าง ทลายทุนผูกขาด สร้างความเป็นธรรม 12

เกษตรร่ำรวย ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ 13

ประกันรายได้ สร้างหลักประกันความมั่นคง 14

กลยุทธ์เกษตรฟื้นฟู

"ดินนำน้ำดี", เกษตรแม่นยำ (Precision Ag), ข้าวรักษ์โลก BCG 11

เกษตรสีเขียว (Green Ag), นิเวศเกษตร, ปลอดการเผา 16

พลังงานสะอาด (Solar), Contract Farming ที่เป็นธรรม 18

เกษตรปลอดภัย, ยุทธศาสตร์พืชเศรษฐกิจ 19

เทคโนโลยี & ข้อมูล

AI, Blockchain, แอปฯ เป๋าตัง, National Platform 11

Open Data, Traceability โปร่งใส, ตรวจสอบย้อนกลับ 17

-

เทคโนโลยีแปรรูป, วิจัยพัฒนา 21

การจัดการที่ดิน

จัดทำกรรมสิทธิ์ที่ดิน, แปลงสินทรัพย์เป็นทุน 11

ปฏิรูปที่ดิน 10 ล้านไร่, โฉนดชุมชน, คืนสิทธิที่ดิน 22

-ธนาคารที่ดิน
สิ่งแวดล้อม/คาร์บอน

คาร์บอนเครดิตเป็นรายได้เสริม, ลด PM2.5 ด้วยนวัตกรรม 8

พ.ร.บ.อากาศสะอาด, ภาษีคาร์บอน, สิทธิชุมชน 17

พลังงานทดแทน, รถไฟฟ้า EV 18

กองทุนฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
จุดเด่นนโยบาย 2569

พักหนี้, Digital Wallet, One Family One Soft Power 24

ปราบทุนผูกขาด, Farm-Feed-Food Fair Coalition 12

ฟรีโซลาร์เซลล์, พักหนี้ 3 ปี 18

ธนาคารหมู่บ้าน, ประกันรายได้ 21

2.1 พรรคเพื่อไทย: ยุทธศาสตร์ "นวัตกรรมเปลี่ยนโลก" (Innovation-Driven Transformation)

พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีและกลไกตลาดเพื่อยกระดับรายได้เกษตรกร โดยมีเป้าหมายเพิ่มรายได้สุทธิเป็น 3 เท่าภายในปี 2570 11

  • ดินนำน้ำดี และ เกษตรแม่นยำ: นโยบายหลักคือการใช้เทคโนโลยี "เกษตรแม่นยำ" (Precision Agriculture) เพื่อวิเคราะห์สภาพดินและให้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟูในการลดการใช้สารเคมีเกินความจำเป็นและปรับปรุงสุขภาพดิน 11 โดยมีการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการตัดสินใจ

  • BCG Model และ ข้าวรักษ์โลก: สานต่อนโยบาย BCG (Bio-Circular-Green) โดยเฉพาะโครงการ "ข้าวรักษ์โลก" ที่ส่งเสริมการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง (AWD) เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนและประหยัดน้ำ ซึ่งเป็นรูปธรรมของการนำเกษตรฟื้นฟูมาใช้ในระดับนโยบาย 15

  • คาร์บอนเครดิต: ผลักดันให้คาร์บอนเครดิตเป็นสินค้าใหม่ของเกษตรกร โดยพยายามสร้างตลาดและมาตรฐานการวัดผล เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มจากการดูแลสิ่งแวดล้อม 8

2.2 พรรคประชาชน: ยุทธศาสตร์ "ทลายโครงสร้างสีเขียว" (Structural Green Reform)

พรรคประชาชนนำเสนอทางเลือกที่แตกต่างโดยเน้นแก้ปัญหาที่โครงสร้างอำนาจและความเป็นธรรมในห่วงโซ่อุปทาน

  • เกษตรสีเขียวและนิเวศเกษตร: แผนแม่บทพัฒนาเกษตรกรรมของพรรคมุ่งเน้น "ทิศที่ 2 การพัฒนาเกษตรสีเขียว" ซึ่งรวมถึงการอนุรักษ์ระบบนิเวศและการผลิตที่ยั่งยืน 7 โดยให้ความสำคัญกับเกษตรอินทรีย์และเกษตรกรรมยั่งยืนที่ไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นทางรอดหลัก

  • การจัดการปัญหาหมอกควันและทุนผูกขาด: พรรคประชาชนมีจุดยืนที่แข็งกร้าวต่ออุตสาหกรรมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเสนอนโยบาย "Farm-Feed-Food Fair Coalition" เพื่อสร้างความเป็นธรรมและตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ตลอดห่วงโซ่ เพื่อป้องกันการรับซื้อผลผลิตจากการเผาและการรุกป่า 12

  • สิทธิที่ดิน: เชื่อมโยงความมั่นคงในที่ดินกับการอนุรักษ์ โดยมองว่าหากเกษตรกรไม่มีกรรมสิทธิ์ (Secure Tenure) จะไม่เกิดแรงจูงใจในการฟื้นฟูดินหรือปลูกไม้ยืนต้นระยะยาว จึงมีนโยบายปฏิรูปที่ดินและคืนสิทธิให้ชุมชน 22

2.3 พรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์: การปรับตัวบนฐานเดิม

  • พรรคภูมิใจไทย: เน้นนโยบาย "Contract Farming" ที่เป็นธรรม เพื่อประกันความเสี่ยงด้านราคาและตลาดให้กับเกษตรกร พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด เช่น โซลาร์เซลล์ ในภาคเกษตรเพื่อลดต้นทุน 13

  • พรรคประชาธิปัตย์: ยังคงยึดมั่นในนโยบาย "ประกันรายได้" แต่มีการปรับตัวโดยเสนอ "กองทุนฟื้นฟู" และ "ธนาคารหมู่บ้าน" เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนในการจัดการตนเองและสิ่งแวดล้อม 14


3. มิติเชิงลึก: การฟื้นฟูดินและตลาดคาร์บอน (Soil Health & Carbon Markets)

3.1 ดิน: สินทรัพย์ใหม่ที่ถูกมองข้าม (Soil as an Asset)

ในกระบวนทัศน์เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู "ดิน" ไม่ใช่เพียงปัจจัยการผลิต แต่เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและนิเวศวิทยา

  • วิกฤตสุขภาพดิน: ข้อมูลจาก สนค. และงานวิจัยระบุว่าดินในพื้นที่เกษตรไทยส่วนใหญ่เสื่อมโทรมจากการใช้สารเคมีและการไถพรวนมาอย่างยาวนาน ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่ต่ำและเปราะบางต่อภัยแล้ง 7

  • นโยบาย "ดินนำน้ำดี" ของเพื่อไทย: พยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการส่งเสริมการวิเคราะห์ดินรายแปลงและการใช้ปุ๋ยสั่งตัด (Tailor-made fertilizer) ซึ่งช่วยลดความเป็นกรดและเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน 11

  • ความร่วมมือภาคเอกชน: ภาคเอกชนเริ่มนำร่องโครงการ "Regenerative Soil" โดยร่วมมือกับกรมพัฒนาที่ดิน เพื่อฟื้นฟูความสมบูรณ์ของดินและสร้างระบบนิเวศที่เกื้อกูล ซึ่งเป็นโมเดลที่พรรคการเมืองสามารถนำไปขยายผลเป็นนโยบายระดับชาติได้ 26

3.2 คาร์บอนเครดิตภาคเกษตร: ความหวังหรือภาพลวงตา?

นโยบายคาร์บอนเครดิตถูกนำเสนอโดยหลายพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ 8 แต่ในทางปฏิบัติยังมีความท้าทายสูง

  • ความซับซ้อนของการวัดผล (MRV): การวัดปริมาณคาร์บอนที่กักเก็บในดิน (Soil Organic Carbon) มีต้นทุนสูงและขั้นตอนยุ่งยาก ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับเกษตรกรรายย่อย 1

  • ข้อวิจารณ์เรื่องการฟอกเขียว (Greenwashing): ภาคประชาสังคมและนักวิชาการบางส่วนวิจารณ์ว่านโยบายนี้อาจเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนอุตสาหกรรมใช้ภาคเกษตรเป็นแหล่งชดเชยการปล่อยก๊าซ (Offset) แทนที่จะลดการปล่อยที่ต้นทาง และอาจนำไปสู่การแย่งชิงทรัพยากรที่ดิน 29

  • ทิศทางนโยบายที่ควรจะเป็น: รัฐต้องเข้ามาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบรับรอง (Certification Cost) และพัฒนาระบบมาตรฐานของไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) ให้เป็นที่ยอมรับในสากล เพื่อให้เครดิตขายได้ราคาดีและเป็นธรรม 9


4. ยุทธศาสตร์รายสินค้า: รับมือ EUDR และการแข่งขันระดับโลก

4.1 ข้าว: แฟล็กชิปแห่งความยั่งยืน (Sustainable Rice)

ข้าวไทยกำลังเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากเวียดนามและอินเดีย ทั้งในด้านราคาและผลผลิตต่อไร่ ยุทธศาสตร์ใหม่จึงมุ่งเน้นไปที่ "ข้าวยั่งยืน"

  • มาตรฐาน SRP (Sustainable Rice Platform): ไทยได้ลงนาม MOU กับ SRP เพื่อยกระดับมาตรฐานข้าวไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานโลก ซึ่งจะช่วยเปิดตลาดข้าวพรีเมียมในยุโรปและสหรัฐฯ 31

  • เทคโนโลยีเปียกสลับแห้ง (AWD): เป็นเทคโนโลยีแกนหลักในโครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model ของรัฐบาลเพื่อไทย ซึ่งช่วยลดก๊าซมีเทนและประหยัดน้ำ 25

  • การเชื่อมโยงตลาด: การสร้างแบรนด์ "Thai Sustainable Rice" จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่า ซึ่งต้องอาศัยการเล่าเรื่อง (Storytelling) เกี่ยวกับกระบวนการผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม 31

4.2 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปัญหาหมอกควัน (Maize & Haze Crisis)

อุตสาหกรรมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นจุดเปราะบางที่สุดด้านสิ่งแวดล้อมของไทย เนื่องจากเชื่อมโยงกับปัญหาฝุ่น PM2.5 และการเผาป่า

  • ข้อเสนอนโยบาย: พรรคประชาชนเสนอนโยบายที่เข้มข้นในการจัดการห่วงโซ่อุปทานข้าวโพด โดยเรียกร้องให้มีการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ที่โปร่งใสและครอบคลุมถึงการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกัน "ข้าวโพดเปื้อนควัน" 12

  • บทบาทรัฐบาล: มีความพยายามผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด และใช้ระบบดาวเทียม (GISTDA) ในการติดตามจุดความร้อน (Hotspots) เพื่อนำไปสู่มาตรการทางกฎหมายและการค้า 17

  • ความท้าทาย: การบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่และการเจรจาระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดนยังเป็นโจทย์หินที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขก่อนการเลือกตั้ง 33

4.3 ยางพาราและปาล์มน้ำมัน: ด่านหน้าปะทะ EUDR

ยางพาราและปาล์มน้ำมันเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและรุนแรงที่สุดจากกฎหมาย EUDR

  • การเตรียมความพร้อม: ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กำลังเร่งจัดทำฐานข้อมูลพิกัดแปลง (Geolocation) และตรวจสอบสิทธิที่ดิน เพื่อให้สามารถออกใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าได้ทันกำหนด 34

  • ความเสี่ยงของเกษตรกรรายย่อย: เกษตรกรจำนวนมากยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือทำกินในพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งอาจถูกตัดออกจากห่วงโซ่อุปทานส่งออกไปยัง EU ได้ นี่คือประเด็นที่พรรคการเมืองต้องหาทางออก เช่น การนิรโทษกรรมที่ดิน หรือการจัดหาพื้นที่ทำกินใหม่ 35

4.4 มันสำปะหลัง: พืชแห่งอนาคตและพลังงาน (Cassava & Bio-economy)

  • ศักยภาพ: มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมอาหาร แป้งแปรรูป และเอทานอล ซึ่งมีความต้องการสูงในตลาดจีนและตลาดโลก 36

  • ปัญหาโรคระบาด: โรคใบด่างมันสำปะหลังยังเป็นภัยคุกคามหลัก นโยบายรัฐบาลจึงเน้นการวิจัยพัฒนาพันธุ์ต้านทานและการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน 11

  • นโยบายแปรรูป: การส่งเสริมการแปรรูปมันสำปะหลังสู่อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ (Bioplastics) และผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับโมเดล BCG และลดการพึ่งพาการส่งออกมันเส้นราคาถูก 37


5. อาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food): ขุมทรัพย์ดาวรุ่งแห่งทศวรรษ

อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่เติบโตเร็วที่สุดของไทยและมีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมหาศาล สอดคล้องกับกระแส "Pet Humanization" (การเลี้ยงสัตว์ดั่งลูก) 38

5.1 ตลาดมูลค่าสูงและมาตรฐานความยั่งยืน

  • การเติบโต: ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับต้นๆ ของโลก โดยมีตลาดหลักคือสหรัฐฯ และ EU ซึ่งเป็นตลาดที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนสูงมาก 39

  • ความต้องการวัตถุดิบ: ผู้บริโภคในตลาดพรีเมียมต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่ใช้วัตถุดิบ "Human Grade" และมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Sustainable Sourcing) เช่น ใช้ปลาทูน่าจากการประมงที่รับผิดชอบ หรือโปรตีนทางเลือกจากแมลง 41

  • โอกาสของไทย: นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้ควรเน้นการเชื่อมโยงกับภาคเกษตรในประเทศ เช่น การใช้วัตถุดิบไก่ ปลา และพืชผลจากเกษตรกรไทยที่ได้มาตรฐานความยั่งยืน เพื่อลดการนำเข้าวัตถุดิบและกระจายรายได้สู่ฐานราก 39

5.2 บทบาทพรรคการเมือง

พรรคการเมืองควรเสนอนโยบายสนับสนุน SME ในอุตสาหกรรมนี้ให้เข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตและมาตรฐานสากล รวมถึงการเจรจาข้อตกลงทางการค้า (FTA) เพื่อลดภาษีและอุปสรรคทางการค้าในตลาดเป้าหมาย 40


6. Soft Power อาหารไทย: วัตถุดิบยั่งยืนสู่ครัวโลก

นโยบาย Soft Power ของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการ "One Family One Soft Power" (OFOS) และยุทธศาสตร์ครัวไทยสู่ครัวโลก มีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู 24

6.1 จาก "รสชาติ" สู่ "แหล่งกำเนิด" (Gastronomy & Origin)

  • Gastronomy Tourism: การท่องเที่ยวเชิงอาหารเป็นเครื่องมือทรงพลังในการโปรโมทสินค้าเกษตรไทย การนำเสนอเมนูอาหารที่ใช้วัตถุดิบจาก "ดินที่สมบูรณ์" และ "กระบวนการผลิตที่ยั่งยืน" (เช่น ข้าวอินทรีย์, ผักปลอดสาร, เนื้อสัตว์เลี้ยงปล่อย) จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ 43

  • สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI): การผลักดันสินค้า GI อย่าง มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี หรือ ทุเรียนภูเขาไฟ ช่วยสร้างอัตลักษณ์และความเชื่อมั่นในคุณภาพ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของ Soft Power 44

6.2 สมุนไพรและเครื่องเทศ: ภูมิปัญญาไทยสู่สากล

  • Health & Wellness: เทรนด์รักสุขภาพโลกเปิดโอกาสให้สมุนไพรไทย (เช่น ขมิ้นชัน, ฟ้าทะลายโจร, ขิง) ก้าวสู่ตลาดสากลในฐานะ Superfood และส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ 46

  • นโยบายส่งเสริม: ภาครัฐมีนโยบายผลักดันสมุนไพรไทยเป็น Soft Power ผ่านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม และการสร้างมาตรฐานการผลิตที่ปลอดภัยและตรวจสอบได้ 47


7. เทคโนโลยีและธรรมาภิบาลข้อมูล (Technology & Data Governance)

7.1 ระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability)

หัวใจสำคัญของเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูและการค้าระดับโลกคือ "ความโปร่งใส"

  • TraceThai & Blockchain: กระทรวงพาณิชย์ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม TraceThai บนเทคโนโลยี Blockchain เพื่อใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตรอินทรีย์ ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและคู่ค้า 48

  • ความจำเป็น: ในอนาคต ระบบนี้ต้องขยายผลให้ครอบคลุมสินค้าเกษตรทั่วไปและเชื่อมโยงกับมาตรฐานสากล เพื่อรองรับกฎระเบียบอย่าง EUDR และ Farm-to-Fork ของยุโรป 49

7.2 อธิปไตยทางข้อมูล (Data Sovereignty)

ประเด็นใหม่ที่พรรคการเมืองต้องตระหนักคือ "ใครเป็นเจ้าของข้อมูลเกษตร?"

  • ความเสี่ยง: ปัจจุบันข้อมูล Big Data ภาคเกษตรมักตกอยู่ในมือของแพลตฟอร์มต่างชาติหรือบริษัทเอกชนรายใหญ่ผ่านระบบ Contract Farming ซึ่งอาจนำไปสู่การเอาเปรียบเกษตรกร 50

  • ข้อเสนอเชิงนโยบาย: รัฐต้องสร้าง "ธรรมาภิบาลข้อมูลเกษตร" (Agricultural Data Governance) ที่ให้เกษตรกรมีสิทธิในข้อมูลของตนเอง และสามารถใช้ข้อมูลนั้นในการเข้าถึงบริการทางการเงินหรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้โดยตรง 52


8. บทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงยุทธศาสตร์สำหรับการเลือกตั้ง 2569

การเลือกตั้งปี 2569 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นโยบายเกษตรไทยต้องก้าวข้ามวาทกรรมเดิมๆ สู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อความอยู่รอดในสนามการค้าโลกที่ไร้พรมแดนแต่เต็มไปด้วยกำแพงมาตรฐานสิ่งแวดล้อม

8.1 สรุปแนวโน้ม (Key Trends)

  1. Green is the New Standard: ความยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น "ใบอนุญาต" ในการเข้าสู่ตลาด

  2. Data is King: ข้อมูลและการตรวจสอบย้อนกลับคืออาวุธสำคัญในการเจรจาการค้า

  3. Soil is Wealth: การฟื้นฟูดินคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับการผลิตอาหารในระยะยาว

  4. Integration: การบูรณาการระหว่าง เกษตร-อาหาร-ท่องเที่ยว-พลังงาน คือทางรอดของเศรษฐกิจฐานราก

8.2 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (Strategic Recommendations)

  1. ตั้งกองทุนเปลี่ยนผ่านเกษตรกรรม (Agricultural Transition Fund): รัฐควรจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนเงินทุนให้เปล่า (Grant) หรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษสำหรับเกษตรกรที่ต้องการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตสู่เกษตรเชิงฟื้นฟูในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตอาจลดลงและความเสี่ยงสูง

  2. National Agriculture Data Platform: สร้างแพลตฟอร์มข้อมูลกลางแห่งชาติที่เชื่อมโยงข้อมูลจากทุกหน่วยงาน (กยท., กรมที่ดิน, GISTDA) เพื่อใช้ในการบริหารจัดการ Traceability และ Carbon Credit อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพ

  3. แก้กฎหมายที่ดินและป่าไม้: เร่งสะสางปัญหาเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อน เพื่อปลดล็อกให้เกษตรกรสามารถเข้าสู่ระบบมาตรฐานสากล (เช่น EUDR) ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

  4. Re-skill เกษตรกรสู่ Smart Eco-Farmer: ปฏิรูประบบส่งเสริมการเกษตรให้เน้นทักษะด้านเทคโนโลยี การจัดการธุรกิจ และความรู้ด้านนิเวศวิทยา เพื่อสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ที่สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก

ตารางที่ 3: สรุปผลกระทบและความพร้อมรายสินค้าต่อมาตรการ EUDR

สินค้าระดับผลกระทบ EUDRสถานะความพร้อมของไทยจุดแข็ง/โอกาสจุดอ่อน/ความเสี่ยง
ยางพาราสูงมาก (Critical)ปานกลาง-สูง (กยท. มีระบบ GIS)ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1, มีระบบตลาดยางที่เข้มแข็งเกษตรกรรายย่อยจำนวนมากไม่มีเอกสารสิทธิ์, สวนยางในพื้นที่ป่า
ปาล์มน้ำมันสูงมาก (Critical)ปานกลางมีมาตรฐาน RSPO รองรับบางส่วนขาดการรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง, ต้นทุนการผลิตสูงกว่าคู่แข่ง
ไม้/เฟอร์นิเจอร์ปานกลางปานกลางอุตสาหกรรมแปรรูปมีศักยภาพการลักลอบตัดไม้, ไม้เถื่อนปะปนในระบบ
กาแฟต่ำ (ผลผลิตน้อย)ต่ำตลาดกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) เติบโตสูงผลผลิตไม่พอส่งออก, นำเข้าเมล็ดกาแฟจากเพื่อนบ้าน

นโยบายที่ชาญฉลาดและมองการณ์ไกลเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยน "วิกฤตสิ่งแวดล้อม" ให้กลายเป็น "โอกาสทอง" ของเกษตรกรไทย การเลือกตั้งปี 2569 จึงเป็นเดิมพันที่สูงยิ่งสำหรับอนาคตของประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นิยมโมเดล: แนวโน้มนโยบาย พปชร.คุ้มครองพระพุทธศาสนา ในการเลือกตั้งปี 2569

บทวิเคราะห์เชิงลึก: พลวัตและทิศทางนโยบายการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2569: กรณีศึกษาทัศนะแ...