วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2568

พุทธสันติวิธีกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงานไดกิ้น

 


วิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานตามแนวพุทธสันติวิธี: กรณีศึกษาบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด

บทคัดย่อ 

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงานของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยใช้กรณีศึกษาความสำเร็จในการเจรจาระหว่างบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด กับสหภาพแรงงานไดกิ้น อมตะ รักษ์เสรี ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2568 โดยทำการวิเคราะห์พฤติกรรมและกระบวนการทำงานของคณะทำงานเจรจาไกล่เกลี่ยผ่านกรอบแนวคิด "พุทธสันติวิธี" ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยความสำเร็จมิได้เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการบูรณาการหลักธรรมทางพุทธศาสนา ได้แก่ หลักพรหมวิหาร 4 และสังคหวัตถุ 4 เข้ากับทักษะการเจรจาต่อรองแบบมืออาชีพ ส่งผลให้เกิดความไว้วางใจ การเปิดใจ และนำไปสู่ข้อยุติที่เป็นธรรมและพึงพอใจต่อทั้งสองฝ่าย

คำสำคัญ: ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงาน, พุทธสันติวิธี, กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน, บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์


1. บทนำ

ความขัดแย้งทางแรงงานเป็นปรากฏการณ์ปกติในระบบอุตสาหกรรม แต่หากขาดกลไกการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจระดับมหภาคและคุณภาพชีวิตของลูกจ้าง รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) จึงมีบทบาทสำคัญในฐานะ "คนกลาง" ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ในการระงับข้อพิพาท

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 กรณีศึกษาของบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้สะท้อนถึงความสำเร็จในการไกล่เกลี่ยที่โดดเด่น ซึ่งนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ยกย่องการทำงานของทีมเจรจา บทความนี้จึงมุ่งวิเคราะห์กระบวนการดังกล่าวว่ามีความสอดคล้องกับหลัก "พุทธสันติวิธี" อย่างไร และหลักการนี้ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการไกล่เกลี่ยได้อย่างไร

2. กรอบแนวคิด: บทบาทภาครัฐและพุทธสันติวิธี

2.1 อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานมีหน้าที่ไกล่เกลี่ยให้ฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างตกลงกันได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยต้องวางตัวเป็นกลาง (Neutrality) และมีความเป็นมืออาชีพ

2.2 แนวคิดพุทธสันติวิธี (Buddhist Peaceful Means) ในการจัดการความขัดแย้ง พระพุทธศาสนามีหลักธรรมที่นำมาประยุกต์ใช้ได้แก่:

  • พรหมวิหาร 4: เมตตา (ความปรารถนาดี), กรุณา (ช่วยเหลือให้พ้นทุกข์), มุทิตา (ยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี), และอุเบกขา (ความวางใจเป็นกลาง)

  • สังคหวัตถุ 4: หลักการครองใจคน ได้แก่ ทาน, ปิยวาจา (เจรจาไพเราะ/สร้างสรรค์), อัตถจริยา (ทำตนให้เป็นประโยชน์), และสมานัตตา (วางตนเหมาะสมเสมอต้นเสมอปลาย)

  • สาราณียธรรม 6: ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึง เพื่อสร้างความสามัคคี โดยเฉพาะ "เมตตากายกรรม" "เมตตาวจีกรรม" และ "เมตตามโนกรรม"

3. กรณีศึกษา: บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด

3.1 บริบทของข้อพิพาท ข้อพิพาทระหว่างบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด และสหภาพแรงงานไดกิ้น อมตะ รักษ์เสรี เป็นกรณีที่ต้องการความละเอียดอ่อน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และสวัสดิการของลูกจ้างจำนวนมาก การเจรจาในช่วงต้นมีความตึงเครียดตามธรรมชาติของการต่อรอง

3.2 กระบวนการไกล่เกลี่ย คณะทำงานเจรจาไกล่เกลี่ย นำโดยนายพงศ์เทพ เพชรโสม รองอธิบดี กสร. และนายประสิทธิ์ ปาตังคะโร ผู้ตรวจราชการกรม ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการเชิงรุก โดยเน้นการ "รับฟัง" และ "เจรจาอย่างใกล้ชิด" จนสามารถโน้มน้าวให้ทั้งสองฝ่ายเปิดใจและยอมรับข้อตกลงร่วมกันได้ในที่สุด

4. การวิเคราะห์ประสิทธิภาพการไกล่เกลี่ยตามหลักพุทธธรรม

จากการถอดบทเรียนการทำงานของคณะทำงานเจรจาไกล่เกลี่ย สามารถวิเคราะห์ความสอดคล้องกับหลักพุทธสันติวิธีได้ดังนี้:

4.1 การใช้วาจาและการสื่อสาร (ปิยวาจาและเมตตาวจีกรรม) นายประสิทธิ์ ปาตังคะโร ระบุถึงปัจจัยความสำเร็จว่าเกิดจากการ "แลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็นอย่างจริงใจ" สิ่งนี้สอดคล้องกับหลัก ปิยวาจา ในสังคหวัตถุ 4 และ เมตตาวจีกรรม ในสาราณียธรรม 6 คือการสื่อสารด้วยความปรารถนาดี ปราศจากอคติ การสื่อสารที่จริงใจช่วยลดกำแพงทิฐิมานะของคู่ขัดแย้ง ทำให้บรรยากาศการเจรจาเปลี่ยนจากการเผชิญหน้า (Confrontation) เป็นการร่วมมือ (Collaboration)

4.2 ความเป็นกลางและความยุติธรรม (อุเบกขาธรรม) นางสาวตรีนุช เทียนทอง ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของเจ้าหน้าที่ว่า "ทำหน้าที่เป็นกลาง ดูแลทั้งนายจ้างและลูกจ้างอย่างเท่าเทียม" พฤติกรรมนี้สะท้อนถึงหลัก อุเบกขา ในพรหมวิหาร 4 คือการดำรงความยุติธรรม ไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดเพราะความรักหรือความชัง การวางตัวเป็นกลางอย่างเคร่งครัดเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้คู่ขัดแย้งเกิดความ "ศรัทธา" ในตัวคนกลาง

4.3 การทุ่มเทเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวม (อัตถจริยาและวิริยะ) การที่ทีมงาน "ทุ่มเททำงานอย่างเต็มกำลัง" และ "ลงพื้นที่เจรจาอย่างใกล้ชิด" แสดงถึงหลัก อัตถจริยา (การบำเพ็ญประโยชน์) และความเพียรพยายาม เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย การกระทำนี้ไม่ได้มองเพียงแค่หน้าที่ตามกฎหมาย แต่เป็นการมองเห็นความทุกข์ร้อนของทั้งนายจ้างและลูกจ้าง และมีความปรารถนาที่จะช่วยให้พ้นจากปัญหานั้น (กรุณา)

4.4 การเปิดใจและการรับฟัง (สุนทรียสนทนาตามวิถีพุทธ) ความสำเร็จที่เกิดจากการ "รับฟังข้อเสนอของทั้งสองฝ่าย" สะท้อนถึงกระบวนการ "โยนิโสมนสิการ" (การคิดพิจารณาอย่างแยบคาย) และการเป็นผู้ฟังที่ดี (สุนทรียสนทนา) ซึ่งช่วยให้เข้าใจความต้องการที่แท้จริง (Underlying Interests) ของทั้งสองฝ่าย มากกว่าเพียงแค่ข้อเรียกร้องที่ตั้งไว้ (Positions)

5. บทสรุปและข้อเสนอแนะ

บทสรุป ความสำเร็จในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกรณีบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ฯ ในปี 2568 ชี้ให้เห็นว่า ประสิทธิภาพของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจทางกฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่หัวใจสำคัญคือการนำ "พุทธสันติวิธี" มาประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติ ผ่านความจริงใจ (Sincerity), การเป็นกลาง (Neutrality), และการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ (Constructive Dialogue)

ข้อเสนอแนะ

  1. การพัฒนาบุคลากร: กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานควรบรรจุหลักสูตร "พุทธสันติวิธีสำหรับการเจรจาไกล่เกลี่ย" ในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ เพื่อเสริมสร้างทักษะด้าน Soft Skills นอกเหนือจากความรู้ด้านกฎหมาย

  2. การสร้างวัฒนธรรมองค์กร: ส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการนำหลักสาราณียธรรม 6 ไปใช้ในระบบแรงงานสัมพันธ์ทวิภาคี เพื่อป้องกันข้อพิพาทก่อนที่จะลุกลาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อดุลยภาพและความมั่นคงไทย

  ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อดุลยภาพความมั่นคงแห่งรัฐบนรากฐานภูมิปัญญาไทย บทสรุปผู้บริหาร (Executive Summary) รายงานฉบับนี้จัดทำข...