วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568

พุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข: พลวัตการสื่อสารดิจิทัล


วิเคราะห์มหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข: พลวัตทางนวัตกรรมและการสื่อสารเพื่อความยั่งยืนทางจิตวิญญาณในสังคมดิจิทัล

บทคัดย่อ

รายงานการวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำการวิเคราะห์เชิงลึกและสังเคราะห์องค์ความรู้จากโครงการ "มหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข" (Buddhist Dhamma Media for Peace Expo) ซึ่งดำเนินการโดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (Thai Media Fund) ร่วมกับภาคีเครือข่ายทางพระพุทธศาสนาและภาคประชาสังคม การศึกษานี้ครอบคลุมมิติการดำเนินงานตั้งแต่อดีตจนถึงปีที่ 4 (พ.ศ. 2568) โดยมุ่งเน้นการตอบโจทย์วัตถุประสงค์หลัก 6 ประการ ได้แก่ การวิเคราะห์วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์, โครงสร้างผู้จัดงานและเครือข่าย, การประเมินผลสัมฤทธิ์, การถอดบทเรียนผ่านทฤษฎีนิเทศศาสตร์แนวพุทธ (Buddhist Communication Arts), การวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างระหว่างสื่อ ศาสนา และสังคม, และการนำเสนอโครงร่างบทความวิชาการเพื่อการเผยแพร่

ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์สื่อ (Media Landscape) และวิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นจากการนำเสนอข่าวสารเชิงลบเกี่ยวกับสถาบันสงฆ์ รายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นว่ามหกรรมพุทธธรรมฯ มิใช่เพียงการจัดแสดงนิทรรศการทางศาสนาแบบดั้งเดิม แต่เป็นนวัตกรรมทางสังคม (Social Innovation) ที่พยายามสร้าง "ระบบนิเวศสื่อ" (Media Ecosystem) ใหม่ ที่ใช้หลักธรรมเป็นเครื่องมือในการ "เตือนสติ" และสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัล (Digital Resilience) ให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป ผ่านกลไกการสื่อสารแบบมีส่วนร่วม (Participatory Communication) และการประยุกต์ใช้แนวคิดสื่อสันติภาพ (Peace Journalism)

1. บทนำ: บริบทและภูมิทัศน์ปัญหา (Context and Problem Landscape)

1.1 วิกฤตศรัทธาและผลกระทบของสื่อในยุคดิจิทัล

ในทศวรรษที่ผ่านมา สังคมไทยเผชิญกับพลวัตความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีการสื่อสารอย่างรุนแรง (Digital Disruption) การเกิดขึ้นของสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ได้ทลายกำแพงกั้นระหว่างสถาบันทางศาสนากับฆราวาส ทำให้ "พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์" (Sacred Space) ถูกตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์อย่างเข้มข้น ปรากฏการณ์ "ข่าวฉาว" ในวงการสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นกรณีการประพฤติผิดพระวินัย การทุจริตเงินทอนวัด หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของ "พระเซเลบ" ในโลกออนไลน์ ได้ถูกนำเสนอซ้ำๆ ผ่านอัลกอริทึมของสื่อที่เน้นยอดการมีส่วนร่วม (Engagement) มากกว่าข้อเท็จจริงที่รอบด้าน 1

การนำเสนอข่าวในลักษณะ "วารสารศาสตร์แบบสงคราม" (War Journalism) ที่เน้นความขัดแย้ง ตัวบุคคล และดราม่า ได้ส่งผลให้เกิดวิกฤตศรัทธา (Crisis of Faith) ในหมู่พุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เริ่มตั้งคำถามต่อความจำเป็นของศาสนาในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ การไหลบ่าของข้อมูลข่าวสาร (Information Overload) และข่าวลวง (Fake News) ยังทำให้สังคมขาด "สติ" ในการกลั่นกรองความจริง นำไปสู่ความขัดแย้งและความเกลียดชัง (Hate Speech) ที่ขยายตัวในวงกว้าง

1.2 กำเนิดมหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข

ท่ามกลางสภาวะความเปราะบางทางสังคมและจิตวิญญาณ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีพันธกิจหลักในการส่งเสริมการผลิตและพัฒนาสื่อที่ดี ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้ "ทุนทางวัฒนธรรม" โดยเฉพาะหลักพุทธธรรม มาเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาสังคม จึงได้ริเริ่มโครงการ "มหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข" ขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างพื้นที่กลาง (Platform) ในการนำเสนอสื่อสร้างสรรค์เชิงพุทธ ที่สามารถเข้าถึงคนทุกวัย และทำหน้าที่เป็น "สื่อเตือนสติ" ให้สังคมกลับมาสู่ดุลยภาพแห่งความสงบสุข


2. วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Objectives)

การวิเคราะห์เอกสารและทิศทางการดำเนินงานของโครงการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พบว่าวัตถุประสงค์ของงานมหกรรมฯ มีความซับซ้อนและครอบคลุมมิติที่หลากหลาย มากกว่าเพียงการเผยแผ่ศาสนาแบบจารีต ดังนี้:

2.1 การสร้างระบบนิเวศสื่อเพื่อการเปลี่ยนแปลง (Media Ecosystem for Change)

วัตถุประสงค์หลักประการแรกคือการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของสื่อ จากเดิมที่เต็มไปด้วยเนื้อหาที่กระตุ้นกิเลสและความขัดแย้ง ให้กลายเป็นพื้นที่ที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการพัฒนาปัญญา กองทุนฯ มุ่งหวังที่จะสร้าง "นิเวศสื่อธรรมะ" ที่ผู้ผลิตสื่อ (Media Producers) ผู้เผยแพร่ (Distributors) และผู้รับสาร (Consumers) มีปฏิสัมพันธ์กันบนพื้นฐานของจริยธรรมและสติ การสร้างระบบนิเวศนี้ครอบคลุมทั้งพื้นที่ทางกายภาพ (On-ground) ผ่านกิจกรรมในวัดสำคัญ และพื้นที่ออนไลน์ (Online) เพื่อให้ธรรมะสามารถเข้าถึงได้ "ทุกที่ ทุกเวลา" ตามแนวคิดของงานปีที่ 4

2.2 การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมด้วย "สื่อเตือนสติ"

ในบริบทของภัยคุกคามทางไซเบอร์ มิจฉาชีพ และข่าวปลอม โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เฉพาะเจาะจงในการใช้สื่อพุทธธรรมเป็นเครื่องมือในการ "เตือนสติ" (Wake-up Call)  แนวคิดนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานทางนิเทศศาสตร์แนวพุทธที่ว่า การรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) ที่แท้จริงต้องประกอบด้วย "โยนิโสมนสิการ" (Critical Reflection) คือการคิดวิเคราะห์อย่างแยบคาย ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงและการยั่วยุทางอารมณ์

2.3 การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์และ Soft Power

นอกเหนือจากมิติทางจิตวิญญาณ โครงการยังมีวัตถุประสงค์ในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของรัฐบาล โดยการนำทุนทางวัฒนธรรมและศาสนา (Religious Assets) มาสร้างมูลค่าเพิ่ม (Soft Power) การเลือกสถานที่จัดงานที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมระดับโลก เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) วัดอรุณราชวราราม และวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นยุทธศาสตร์ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ และเชื่อมโยงศาสนากับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

2.4 การลดช่องว่างระหว่างวัยและเชื่อมต่อคนรุ่นใหม่ (Bridging the Generation Gap)

วัตถุประสงค์สำคัญอีกประการคือการสร้างพื้นที่ให้ "เด็กและเยาวชน" ได้เข้ามามีบทบาทในการเป็น "ผู้สื่อสารธรรมะ" (Dhamma Communicators) ผ่านกิจกรรมการประกวดคลิปสั้นและสื่อสร้างสรรค์ เพื่อลบล้างภาพจำว่าธรรมะเป็นเรื่องของคนแก่หรือล้าสมัย และสร้างทัศนคติใหม่ว่าธรรมะเป็นเรื่องทันสมัยที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน (Dhamma in Daily Life) ได้ 


3. ผู้จัดงานและภาคีเครือข่ายความร่วมมือ (Organizers and Collaborative Network)

โครงสร้างการบริหารจัดการของมหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข สะท้อนถึงรูปแบบการทำงานแบบบูรณาการระหว่างภาครัฐ องค์กรศาสนา และภาคประชาสังคม ตามโมเดล "บวร" (บ้าน-วัด-ราชการ) ในบริบทสมัยใหม่

3.1 องค์กรหลักและผู้สนับสนุนทุน (Core Organizers & Funders)

  • กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (Thai Media Fund - TMF): เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนโครงการ ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ สนับสนุนงบประมาณ และประสานงานเครือข่าย บทบาทของ TMF คือการเป็น "ผู้อำนวยความสะดวก" (Facilitator) ที่เชื่อมโยงทรัพยากรต่างๆ เข้าด้วยกัน

  • กระทรวงวัฒนธรรม (Ministry of Culture): ให้การสนับสนุนในระดับนโยบายชาติ การเชื่อมโยงกับมรดกทางวัฒนธรรม และการอำนวยความสะดวกในการใช้พื้นที่ศาสนสถานสำคัญของประเทศ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและปลัดกระทรวงฯ เข้าร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดและสนับสนุนการดำเนินงาน

3.2 ศาสนสถานและเครือข่ายสงฆ์ (Religious Institutions)

การเลือกสถานที่จัดงานในแต่ละปีสะท้อนถึงนัยยะสำคัญทางยุทธศาสตร์:

  • วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์): (เจ้าภาพปีที่ 2) ศูนย์กลางแห่งภูมิปัญญาและจารึกมรดกโลก เป็นสัญลักษณ์ของการเรียนรู้

  • วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร: (เจ้าภาพปีที่ 3) สัญลักษณ์ความรุ่งโรจน์และแลนด์มาร์คระดับโลก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

  • วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช: (เจ้าภาพปีที่ 4) ศูนย์กลางพุทธศาสนาในภาคใต้ สะท้อนการกระจายอำนาจทางวัฒนธรรมสู่ภูมิภาค

3.3 ภาคีเครือข่ายการศึกษาและวิชาชีพ

โครงการได้รับความร่วมมือจากสถาบันการศึกษา โรงเรียน และมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ในการส่งเสริมนักเรียนนิสิตนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมประกวดสื่อ "หนูได้ธรรม" รวมถึงเครือข่ายสื่อมวลชนที่ช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์

ตารางแสดงโครงสร้างบทบาทหน้าที่ของภาคีเครือข่าย:

ภาคส่วน (Sector)หน่วยงาน (Organization)บทบาทและหน้าที่หลัก (Key Roles)
Funding & Strategyกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์สนับสนุนงบประมาณ, กำหนดยุทธศาสตร์ Media Ecosystem, จัดการประกวดสื่อ
Policy Supportกระทรวงวัฒนธรรมสนับสนุนนโยบาย Soft Power, ประสานงานระดับกระทรวง, พิธีการ
Spiritual Hubวัดพระมหาธาตุฯ, วัดอรุณฯ, วัดโพธิ์เอื้อเฟื้อสถานที่, ให้คำปรึกษาด้านหลักธรรม, เป็นศูนย์กลางกิจกรรม On-ground
Content Creatorsเยาวชน, สถาบันการศึกษา, ผู้ผลิตสื่ออิสระผลิตเนื้อหา (UGC), เข้าร่วมประกวด, สร้างสรรค์สื่อธรรมะรูปแบบใหม่
Disseminationสื่อมวลชน, Social Media Influencersเผยแพร่ข่าวสาร, ถ่ายทอดสด (Streaming), สร้างกระแสรับรู้

4. พัฒนาการและรูปแบบการจัดงาน (Evolution and Event Format)

การวิเคราะห์พัฒนาการของงานในแต่ละปีแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวอย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์ทางสังคมและเทคโนโลยี:

4.1 ปีที่ 2: "สื่อ ธรรม ดี" (Media Dhamma Good)

  • แนวคิดหลัก: มุ่งเน้นการปูพื้นฐานความเข้าใจว่า "สื่อที่ดี" ต้องมีองค์ประกอบของ "ธรรมะ" และธรรมะสามารถนำทางจิตใจผู้คนได้

  • รูปแบบกิจกรรม: จัดขึ้นที่วัดโพธิ์ ผสมผสานระหว่าง On-site และ Online มีกิจกรรม Walk Rally "ธรรม...นำจิต สื่อ...นำใจ" เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้ธรรมะผ่านการปฏิบัติจริงในพื้นที่วัด และการเข้าถึงฐานข้อมูลธรรมะออนไลน์

4.2 ปีที่ 3: "สื่อ เตือน สติ" (Media Warns Consciousness)

  • บริบท: ตอบสนองต่อวิกฤตภัยไซเบอร์ ข่าวลวง และปัญหาสุขภาพจิตหลังยุคโควิด

  • แนวคิดหลัก: เน้นบทบาทของสื่อในฐานะ "กัลยาณมิตร" ที่ทำหน้าที่ "เตือนสติ" ผู้รับสาร ให้รู้เท่าทันอารมณ์และข้อมูลข่าวสาร

  • นวัตกรรม: การจัดนิทรรศการเสมือนจริง (Virtual Exhibition) ที่รวบรวมสื่อพุทธศาสนาไว้ในโลกออนไลน์ เพื่อการเข้าถึงที่ไร้พรมแดน และการเปิดตัวโครงการประกวด "หนูได้ธรรม" อย่างเป็นทางการ

4.3 ปีที่ 4: "ธรรมดี ทุกที่ ทุกเวลา" (Good Dhamma Everywhere, Everytime)

  • กำหนดการ: 8-9 ธันวาคม 2568 ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช

  • แนวคิดหลัก: ต่อยอดจากการ "เตือนสติ" มาสู่การ "ปฏิบัติ" ในชีวิตประจำวัน เน้นความยั่งยืนและการกระจายโอกาสสู่ภูมิภาค (Regionalization) เพื่อแสดงให้เห็นว่าธรรมะไม่ได้อยู่แค่ในวัดหรือเมืองหลวง แต่มีอยู่ทุกที่

  • กิจกรรมไฮไลต์:

    • การผสมผสานวัฒนธรรมท้องถิ่น: การแสดงโนราและหนังตะลุง ซึ่งเป็นสื่อพื้นบ้านภาคใต้ บูรณาการเข้ากับหลักธรรม เพื่อสื่อสารกับคนในพื้นที่

    • Edutainment: เสวนา "เสิร์ฟธรรม ทำได้ทุกวัน" และคอนเสิร์ตธรรมะจากศิลปิน "อุ๋ย บุดดาเบลส" ที่เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่

    • On-ground & Online: การถ่ายทอดสดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อเชื่อมต่อผู้คนทั่วโลก 


5. ทฤษฎีนิเทศศาสตร์แนวพุทธ (Buddhist Communication Arts Theory)

เพื่อให้การวิเคราะห์มีความลึกซึ้งทางวิชาการ จำเป็นต้องพิจารณากรอบทฤษฎี "นิเทศศาสตร์แนวพุทธ" (Buddhist Communication Arts) ซึ่งเป็นรากฐานทางปัญญาของการจัดงานนี้ จากการสังเคราะห์ข้อมูลทางวิชาการ พบประเด็นสำคัญดังนี้:

5.1 องค์ประกอบของกระบวนการสื่อสารแนวพุทธ (Components of Buddhist Communication)

นิเทศศาสตร์ในพระไตรปิฎกแตกต่างจากทฤษฎีตะวันตกที่เน้นเพียงการส่งสาร (Transmission) แต่เน้นที่ "ผลสัมฤทธิ์แห่งการตื่นรู้" โดยมีโครงสร้าง 3 ระดับ:

  1. ปริยัติ (Pariyatti - Learning): การสื่อสารเพื่อถ่ายทอดความรู้ ทฤษฎี และหลักการที่ถูกต้อง ในงานมหกรรมฯ คือส่วนของนิทรรศการ การเสวนา และข้อมูลวิชาการ

  2. ปฏิบัติ (Patipatti - Practice): การสื่อสารที่กระตุ้นให้เกิดการลงมือทำ การนำไปใช้จริง กิจกรรม Walk Rally หรือการประกวดคลิปสั้นที่เยาวชนต้องคิดและทำเอง จัดอยู่ในระดับนี้

  3. ปฏิเวธ (Pativedha - Realization): ผลลัพธ์ของการสื่อสารคือการเข้าใจแจ้ง การหลุดพ้นจากความทุกข์ หรือความสงบสุขทางใจ (Peace of Mind) ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของ "สื่อสร้างสันติสุข"

5.2 กลยุทธ์การสื่อสารของพระบรมศาสดา (The Buddha's Communication Strategies)

งานมหกรรมฯ ได้ถอดบทเรียนวิธีการสอนของพระพุทธเจ้ามาประยุกต์ใช้ในการออกแบบกิจกรรม:

  • ทำให้แจ่มแจ้ง (Clarification): ย่อยธรรมะที่ยากให้ง่าย ผ่านสื่อมัลติมีเดียและอินโฟกราฟิก

  • จูงใจ (Motivation): สร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากทำความดี ผ่านต้นแบบ (Role Model) และรางวัล

  • อาจหาญ (Encouragement): ให้กำลังใจในการปฏิบัติธรรม ไม่ให้รู้สึกท้อถอย

  • ร่าเริง (Enjoyment): สร้างบรรยากาศให้มีความสุข สนุกสนาน (บันเทิงธรรม) ไม่น่าเบื่อ สอดคล้องกับกิจกรรมการแสดงและดนตรีในงาน

5.3 หลัก "สื่อสันติภาพเชิงพุทธ" (Buddhist Peace Journalism)

แนวคิดนี้บูรณาการหลัก "สัมมาวาจา" (Right Speech) เข้ากับทฤษฎีสื่อมวลชน โดยเน้นหลักการ FACT:

  • F - Factual: ข้อมูลต้องเป็นความจริง

  • A - Accuracy: ความถูกต้อง แม่นยำ ไม่บิดเบือน

  • C - Constructive: สร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อสังคม

  • T - Timely: ทันต่อสถานการณ์ (กาลเทศะ)

ทฤษฎีนี้ถูกนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินผลงานประกวดและการคัดเลือกสื่อที่นำมาจัดแสดง เพื่อต่อต้านกระแส Fake News และ Hate Speech


6. การประเมินผลและการถอดบทเรียน (Evaluation and Lessons Learned)

การประเมินผลโครงการมหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข สามารถพิจารณาได้จากทั้งข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยอาศัยตัวชี้วัดความสำเร็จจากกิจกรรม "หนูได้ธรรม" และผลตอบรับจากผู้เข้าร่วม

6.1 ปรากฏการณ์ "หนูได้ธรรม": เสียงจากคนรุ่นใหม่

กิจกรรมประกวดคลิปสั้น "หนูได้ธรรม" ถือเป็นเครื่องมือวัดผลที่สำคัญที่สุด เพราะสะท้อนถึงระดับการมีส่วนร่วมและความเข้าใจของเยาวชนที่มีต่อพุทธศาสนา

  • ผลการประกวดปี 2567: มีผลงานที่น่าสนใจและได้รับรางวัล เช่น "Little Great Thing" (มจธ.), "ในวันนี้ที่ไม่มี..." (วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา), และ "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว" (มรภ.สวนสุนันทา) 

  • การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis): คลิปที่ชนะเลิศมักไม่ได้นำเสนอธรรมะในรูปแบบพิธีกรรม หรือการสวดมนต์ แต่เป็นการตีความธรรมะในบริบทชีวิตจริง เช่น การจัดการกับความสูญเสีย การเห็นคุณค่าของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ และการควบคุมจิตใจตนเอง สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า เยาวชนมีความเข้าใจใน "แก่นธรรม" และสามารถสื่อสารออกมาในภาษาภาพยนตร์ที่ร่วมสมัยได้

6.2 การประเมินผลกระทบเชิงสังคม (Social Impact Evaluation)

  • การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย: การขยายพื้นที่จัดงานไปยังภูมิภาค (นครศรีธรรมราช) ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงประชาชนในต่างจังหวัด และการถ่ายทอดสดออนไลน์มียอดการรับชม (Views) ที่สะท้อนถึงความสนใจในระดับหนึ่ง แม้ตัวเลขอาจจะไม่สูงเท่าสื่อบันเทิงกระแสหลัก แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ Niche Content

  • ความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย: จากบทสัมภาษณ์ผู้รับทุนและผู้เข้าร่วมงาน พบว่าโครงการนี้ช่วย "เติมเต็ม" ช่องว่างทางจิตใจในช่วงเวลาวิกฤต เช่น การระบาดของโควิด-19 หรือภาวะเศรษฐกิจ โดยสื่อธรรมะทำหน้าที่เยียวยา (Heal) จิตใจได้จริง

6.3 ความท้าทายและข้อจำกัด (Challenges and Limitations)

จากการวิเคราะห์ข้อมูลวิจัยและสถานการณ์จริง พบอุปสรรคสำคัญดังนี้:

  • Digital Divide และความเหลื่อมล้ำ: แม้จะมีการผลักดันสื่อออนไลน์ แต่กลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ในพื้นที่ห่างไกลบางส่วนยังเข้าไม่ถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ทำให้เสียโอกาสในการรับรู้

  • ความยั่งยืนของการมีส่วนร่วม (Sustainability of Engagement): การจัดงานลักษณะ Event อาจสร้างกระแสได้ในช่วงเวลาสั้นๆ (Buzz) ความท้าทายคือทำอย่างไรให้เกิดการเรียนรู้และปฏิบัติอย่างต่อเนื่องหลังจากจบงาน

  • การควบคุมคุณภาพและความถูกต้อง (Canonical Integrity): ในโลกออนไลน์ที่ใครก็ผลิตสื่อได้ (UGC) มีความเสี่ยงที่หลักธรรมอาจถูกบิดเบือน หรือถูกนำเสนอแบบฉาบฉวยเพื่อเรียกยอดไลก์ ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทุนฯ ต้องเฝ้าระวังและให้ความรู้ 

  • วิกฤตศรัทธาในองค์กรสงฆ์: ข่าวลบเกี่ยวกับพระสงฆ์ยังคงเป็น "Noise" ที่รบกวนการสื่อสาร ทำให้บางครั้งประชาชนเกิดอคติต่อสื่อธรรมะที่ผลิตโดยวัด


7. การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ (Relationship Analysis)

โครงการนี้สะท้อนโครงข่ายความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่าง 3 องค์ประกอบหลัก:

7.1 ความสัมพันธ์ระหว่าง "พุทธธรรม" กับ "สื่อดิจิทัล" (Buddhism and Digital Media)

ความสัมพันธ์นี้มีลักษณะเป็น "ภาวะพึ่งพาอาศัยกัน" (Symbiosis):

  • พุทธศาสนาพึ่งพาสื่อ: เพื่อความอยู่รอดและการขยายฐานศรัทธาไปยังคนรุ่นใหม่ (Digital Natives) หากปราศจากสื่อดิจิทัล ศาสนาอาจถูกจำกัดวงอยู่เฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ

  • สื่อพึ่งพาพุทธศาสนา: เพื่อใช้เป็นแหล่งเนื้อหา (Content Source) ที่มีคุณค่าและจริยธรรม ในการยกระดับคุณภาพของระบบนิเวศสื่อ และเป็นเครื่องมือในการกำกับดูแลตนเองของผู้ใช้สื่อ (Self-Regulation via Mindfulness)

7.2 ความสัมพันธ์ระหว่าง "รัฐ" กับ "ศาสนา" (State and Religion)

ผ่านกลไกของกองทุนพัฒนาสื่อฯ และกระทรวงวัฒนธรรม รัฐทำหน้าที่เป็น "ผู้อุปถัมภ์สมัยใหม่" (Modern Patron) ที่ไม่ได้สนับสนุนเพียงการสร้างศาสนสถาน แต่สนับสนุนการสร้าง "โครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา" (Intellectual Infrastructure) เพื่อใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือในการสร้างความมั่นคงทางสังคม (Social Stability) และความสามัคคีปรองดอง 

7.3 ความสัมพันธ์ระหว่าง "War Journalism" กับ "Peace Journalism"

งานมหกรรมฯ พยายามสร้างจุดเปลี่ยน (Turning Point) ในวงการสื่อ โดยผลักดันกระบวนทัศน์ Peace Journalism ให้เข้ามาแทนที่ War Journalism โดยการนำเสนอทางออกและการแก้ปัญหา (Solution-based) แทนการนำเสนอความขัดแย้ง และให้พื้นที่กับเสียงของคนธรรมดา (Voice of the Voiceless) ผ่านกิจกรรมของเยาวชน


8. โครงร่างบทความ (Article Outline)

เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถนำผลการวิเคราะห์ไปพัฒนาเป็นบทความวิชาการฉบับสมบูรณ์เพื่อการตีพิมพ์หรือนำเสนอ ทางคณะผู้วิจัยขอเสนอโครงร่างบทความมาตรฐาน ดังนี้:

ชื่อบทความ: พลวัตการสื่อสารธรรมะในยุคดิจิทัล: ถอดบทเรียนมหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข

(Dynamics of Dhamma Communication in the Digital Age: Lessons Learned from the Buddhist Dhamma Media for Peace Expo)

  1. บทคัดย่อ (Abstract)

    • สรุปสาระสำคัญ วัตถุประสงค์ วิธีการศึกษา และผลการค้นพบ

  2. บทนำ (Introduction)

    • สถานการณ์สื่อและวิกฤตศรัทธาในสังคมไทย

    • ที่มาและความสำคัญของโครงการมหกรรมพุทธธรรมฯ

    • คำถามการวิจัยและวัตถุประสงค์

  3. การทบทวนวรรณกรรมและกรอบแนวคิด (Literature Review & Conceptual Framework)

    • ทฤษฎีนิเทศศาสตร์แนวพุทธ (Buddhist Communication Arts)

    • แนวคิดสื่อสันติภาพ (Peace Journalism)

    • นโยบายสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

  4. ระเบียบวิธีวิจัย (Research Methodology)

    • การวิจัยเอกสาร (Documentary Research) จากข่าว รายงาน และคลิปวิดีโอ

    • การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลงานที่ได้รับรางวัล

  5. ผลการศึกษา (Results)

    • พัฒนาการรูปแบบการจัดงานปีที่ 2-4

    • บทวิเคราะห์เนื้อหาและรูปแบบการสื่อสารในกิจกรรม "หนูได้ธรรม"

    • บทบาทของภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนระบบนิเวศสื่อ

  6. อภิปรายผล (Discussion)

    • การประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมในการแก้ปัญหาสื่อ (Fake News, Cyberbullying)

    • การเปลี่ยนแปลงบทบาทของผู้รับสารสู่ผู้สร้างสื่อธรรมะ (From Consumer to Creator)

    • ความท้าทายในยุค Digital Disruption

  7. บทสรุปและข้อเสนอแนะ (Conclusion & Recommendations)

    • ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อกองทุนพัฒนาสื่อฯ (เช่น การส่งเสริมความยั่งยืน, การขยายผลสู่โรงเรียน)

    • ข้อเสนอแนะสำหรับการจัดงานในอนาคต


9. บทสรุป

มหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข มิใช่เพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบไป แต่เป็น "หมุดหมาย" (Milestone) สำคัญที่บ่งบอกถึงความพยายามในการปรับตัวของพุทธศาสนาไทยให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตในศตวรรษที่ 21 โครงการนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อนำหลัก "พุทธธรรม" มาผสานกับ "สื่อสร้างสรรค์" และ "พลังของเยาวชน" จะเกิดเป็นนวัตกรรมทางสังคมที่ทรงพลังในการเยียวยาจิตใจและสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สังคม

ความสำเร็จของงานในปีที่ 4 ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช และคุณภาพของผลงานเยาวชนในโครงการ "หนูได้ธรรม" ยืนยันว่า ธรรมะยังคงมีความหมายและ "ขายได้" ในหมู่คนรุ่นใหม่ หากมีการออกแบบวิธีการสื่อสารที่เหมาะสม (Right Communication Design) อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในอนาคตอยู่ที่การรักษาความต่อเนื่อง และการขยายผลจาก "กิจกรรม" สู่ "วิถีชีวิต" เพื่อให้ "ธรรมดี" เกิดขึ้นได้ "ทุกที่ ทุกเวลา" อย่างแท้จริง ตามเจตนารมณ์ของโครงการ


หมายเหตุ: รายงานฉบับนี้เรียบเรียงขึ้นจากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงประจักษ์และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบสนองต่อโจทย์การวิจัยอย่างครบถ้วนและสมบูรณ์ตามหลักวิชาการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อดุลยภาพและความมั่นคงไทย

  ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อดุลยภาพความมั่นคงแห่งรัฐบนรากฐานภูมิปัญญาไทย บทสรุปผู้บริหาร (Executive Summary) รายงานฉบับนี้จัดทำข...