วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568

เปิด 24 วิชชั่นบริการ 24 ชั่วโมง พรรควิชชั่นใหม่ สู้ศึกเลือกตั้งปี 2569

วิเคราะห์วิชชั่นใหม่ 24 ประการของนโยบายสู้ศึกเลือกตั้งปี 2569 ของพรรควิชชั่นใหม่: การถอดรหัสปรัชญาเศรษฐกิจมนุษย์และยุทธศาสตร์ทางเลือกที่สาม

บทคัดย่อ

รายงานการวิจัยฉบับนี้มุ่งเน้นการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับพลวัตทางการเมืองและยุทธศาสตร์นโยบายสาธารณะของ "พรรควิชชั่นใหม่" (New Vision Party) ในบริบทของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ปี พ.ศ. 2569 ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของภูมิทัศน์การเมืองไทย งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อถอดรหัส "วิชชั่น 24 ประการ" ซึ่งเป็นแก่นแกนทางความคิดที่สังเคราะห์ขึ้นจากหมายเลขประจำพรรคและนโยบายเรือธง (Flagship Policies) โดยอาศัยกรอบแนวคิด "เศรษฐกิจมนุษย์" (Human Economy) เป็นรากฐานทางทฤษฎีในการอธิบายปรากฏการณ์ การศึกษาครอบคลุมการวิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แนวพุทธ (Buddhist Economics) ทฤษฎีเศรษฐกิจมนุษย์ของ Keith Hart และการประยุกต์ใช้นวัตกรรมทางการเงินไร้ดอกเบี้ย (Interest-free Financing) เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง นอกจากนี้ ยังวิเคราะห์ความเป็นไปได้และผลกระทบของนโยบายปฏิรูปการเมือง "1 พรรค 1 กระทรวง" และนโยบายสังคม "บ้านหลังที่ 2" สำหรับผู้สูงอายุ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า พรรควิชชั่นใหม่กำลังพยายามสถาปนาตนเองเป็น "ทางเลือกที่สาม" ที่แท้จริง ท่ามกลางวิกฤตการณ์ซ้อนทับ (Polycrisis) ของประเทศ ด้วยการนำเสนอชุดนโยบายที่มุ่งเน้นการรื้อถอนโครงสร้างทุนนิยมแบบเดิมและแทนที่ด้วยระบบที่ให้คุณค่ากับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์


1. บทนำ: สภาวะวิกฤตซ้อนทับและบริบทการเลือกตั้งปี 2569

1.1 ภูมิทัศน์การเมืองไทยก่อนการเลือกตั้ง 2569

ปี พ.ศ. 2569 ประเทศไทยต้องเผชิญกับสภาวะความเปราะบางอย่างรุนแรงอันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ที่ถาโถมเข้ามาหลายระลอก หรือที่เรียกว่า "วิกฤตซ้อนทับ" (Polycrisis) ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจากปัจจัยเดี่ยว แต่เป็นการปฏิสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมที่ซับซ้อน สถานการณ์ความไม่ปกติของบ้านเมืองได้ทวีความรุนแรงขึ้น เริ่มต้นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สร้างความเสียหายต่อพื้นที่เกษตรกรรมและโครงสร้างพื้นฐานในวงกว้าง ผนวกกับสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ 1 แรงกดดันเหล่านี้กลายเป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้รัฐบาลชุดก่อนหน้าไม่สามารถดำรงอยู่ได้จนครบวาระ นำไปสู่การประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนด

ในมิติทางเศรษฐกิจและสังคม ประเทศกำลังตกอยู่ในสภาวะ "ติดหล่มทางโครงสร้าง" หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงขึ้นทำลายสถิติ สร้างภาระผูกพันระยะยาวให้กับชนชั้นกลางและรากหญ้า ปัญหาคอร์รัปชันเชิงระบบยังคงเป็นสนิมเนื้อในที่กัดกร่อนประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน ขณะที่โครงสร้างประชากรกำลังก้าวเข้าสู่ "สังคมสูงวัยระดับสุดยอด" (Super-Aged Society) อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลในอดีตยังไม่สามารถถอดชนวนได้อย่างเบ็ดเสร็จ 3

1.2 การอุบัติขึ้นของ "พรรควิชชั่นใหม่" ในฐานะทางเลือกที่สาม

ท่ามกลางบรรยากาศที่มืดมนและความต้องการทางออกใหม่ๆ สนามเลือกตั้งปี 2569 ได้กลายเป็นพื้นที่ประลองยุทธ์ที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์อย่างยิ่ง ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ บรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้งเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีพรรคการเมืองถึง 52 พรรคเข้าร่วมกระบวนการ 3 สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวทางการเมืองและความพยายามของกลุ่มอำนาจต่างๆ ที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางประเทศ

"พรรควิชชั่นใหม่" ภายใต้การนำของ นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรค และ นายธงรบ ด่านอำไพ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ได้ประกาศตัวเข้าสู่สนามเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ โดยวางตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ (Strategic Positioning) เป็น "ทางเลือกที่สาม" (The Third Choice) 3 เพื่อนำเสนอทางออกที่แตกต่างจากขั้วอำนาจการเมืองเดิมที่มักติดอยู่ในวังวนของความขัดแย้ง พรรควิชชั่นใหม่ไม่ได้วางตนเป็นเพียงพรรคขนาดเล็กที่หวังเก้าอี้เพื่อร่วมรัฐบาล แต่ประกาศเจตจำนงที่จะเป็นพรรคหลักในการขับเคลื่อนนโยบายระดับโครงสร้าง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องและความเหลื่อมล้ำ 3

1.3 สัญวิทยานัมเบอร์ 24: จากหมายเลขสู่ยุทธศาสตร์

ผลการจับสลากหมายเลขผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ปรากฏว่าพรรควิชชั่นใหม่ได้รับหมายเลข 24 3 ตัวเลขนี้แม้ดูเหมือนเป็นเพียงเหตุบังเอิญทางสถิติ แต่ในทางรัฐศาสตร์การสื่อสาร (Political Communication) พรรคได้แปรเปลี่ยนตัวเลขนี้ให้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางยุทธศาสตร์ที่ทรงพลัง "วิชชั่น 24 ประการ" หรือนโยบาย 24 ข้อ ได้ถูกนำมาเชื่อมโยงกับหมายเลขพรรค เพื่อสื่อสารถึงความพร้อมและวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมทุกมิติของชีวิตประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

นายธงรบ ด่านอำไพ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 ได้ใช้โอกาสนี้ประกาศความพร้อมในการส่งผู้สมัครทั้งระบบบัญชีรายชื่อและระบบเขต โดยเน้นย้ำว่าพรรคการเมืองขนาดเล็กไม่ควรถูกมองข้าม เพราะในระบบนิเวศประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ความหลากหลายทางความคิดและนโยบายคือกุญแจสำคัญในการปลดล็อกประเทศจากวิกฤต 3 รายงานฉบับนี้จะเจาะลึกไปที่เนื้อหาของนโยบายภายใต้วิสัยทัศน์เหล่านี้ เพื่อพิสูจน์ทราบถึงความเป็นไปได้และความสมเหตุสมผลทางวิชาการ


2. กรอบแนวคิดทฤษฎี: รื้อถอนมายาคติทุนนิยมด้วย "เศรษฐกิจมนุษย์"

หัวใจสำคัญที่เป็นรากฐานของนโยบายพรรควิชชั่นใหม่คือปรัชญา "เศรษฐกิจมนุษย์" (Human Economy) 3 แนวคิดนี้ไม่ใช่เพียงวาทกรรมทางการเมือง แต่เป็นการปะทะสังสรรค์ทางความคิดระหว่างทฤษฎีเศรษฐศาสตร์สากลและปรัชญาตะวันออก เพื่อตอบโจทย์ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ทุนนิยมกระแสหลัก (Mainstream Capitalism) ทิ้งไว้

2.1 ทฤษฎี Human Economy ของ Keith Hart: การนำเศรษฐศาสตร์กลับสู่สังคม

แนวคิด "เศรษฐกิจมนุษย์" ในทางวิชาการสากล ได้รับการอธิบายอย่างชัดเจนโดย Keith Hart นักมานุษยวิทยาเศรษฐกิจที่มีชื่อเสียง งานของ Hart เสนอว่าเศรษฐศาสตร์ในศตวรรษที่ 20 ได้หลงทางด้วยการแยก "ตลาด" ออกจาก "สังคม" และให้ความสำคัญกับโมเดลทางคณิตศาสตร์มากกว่าความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์ 5

ในมุมมองของ Hart "Human Economy" คือการเรียกร้องให้นำเศรษฐศาสตร์กลับมาสนใจ "มนุษย์อย่างที่เป็นอยู่" (Man as he is) และระบบเศรษฐกิจที่ดำรงอยู่จริง ไม่ใช่ในอุดมคติของทฤษฎีทางเลือกที่มีเหตุผล (Rational Choice Theory) ที่คับแคบ 5 หัวใจสำคัญคือการตระหนักว่าเงินและตลาดเป็นเครื่องมือของมนุษย์ ไม่ใช่นายของมนุษย์ เศรษฐกิจต้องรับใช้สังคม และต้องคำนึงถึงมิติทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง 6

พรรควิชชั่นใหม่ได้นำแนวคิดนี้มาปรับใช้โดยเน้นว่า "คนไม่มีเงินแต่มีความสามารถมีสมองก็เข้ามาเป็นหุ้นส่วนได้" 1 นี่คือการสะท้อนแนวคิดของ Hart ที่มองว่าทุนมนุษย์และการเชื่อมโยงทางสังคม (Social Connection) มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ การตีค่าความสามารถของมนุษย์ให้เป็นทุน (Capitalizing Human Capability) คือการปฏิวัติวิธีคิดจากการใช้ "เงินนำหน้า" (Capital-led) มาเป็น "มนุษย์นำหน้า" (Human-led)

2.2 เศรษฐศาสตร์แนวพุทธ (Buddhist Economics): ทางสายกลางแห่งการพัฒนา

นอกจากทฤษฎีตะวันตกแล้ว ปรัชญาของพรรควิชชั่นใหม่ยังสอดรับอย่างลึกซึ้งกับ "เศรษฐศาสตร์แนวพุทธ" ตามแนวทางของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) และ E.F. Schumacher ซึ่งเน้นย้ำเรื่อง "สัมมาอาชีวะ" (Right Livelihood) 7

ในทางเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก (Neoclassical Economics) "ความต้องการ" (Wants) ของมนุษย์ถือเป็นสิ่งไร้ขีดจำกัดและต้องได้รับการตอบสนองสูงสุด แต่เศรษฐศาสตร์แนวพุทธมองว่าทรัพยากรมีจำกัด และการบริโภคควรเป็นไปเพื่อ "ความอยู่ดีมีสุข" (Well-being) ไม่ใช่เพื่อการสะสมตัณหา 7 พระพรหมคุณาภรณ์อธิบายว่า งาน (Work) มี 3 หน้าที่หลักคือ:

  1. เพื่อให้มนุษย์ได้พัฒนาศักยภาพของตนเอง

  2. เพื่อลดอัตตาและความเห็นแก่ตัวผ่านการทำงานร่วมกับผู้อื่น

  3. เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต 9

นโยบายของพรรควิชชั่นใหม่ที่เน้น "เศรษฐกิจมนุษย์" จึงเป็นการนำหลักการนี้มาแปลงเป็นนโยบายสาธารณะ โดยมองว่าความมั่งคั่ง (Wealth) เป็นเพียง "ปัจจัย" (Means) ไม่ใช่ "เป้าหมายสูงสุด" (End) 8 การเติบโตทางเศรษฐกิจต้องไม่เบียดเบียนตนเอง (Self-harm) และไม่เบียดเบียนผู้อื่น (Non-harming) 9 ซึ่งนำไปสู่ข้อเสนอเรื่องระบบการเงินไร้ดอกเบี้ยที่มองว่าดอกเบี้ยคือการเอาเปรียบเชิงโครงสร้าง

2.3 การสังเคราะห์สู่บริบทการเมืองไทย

เมื่อนำสองแนวคิดนี้มาผสานกัน พรรควิชชั่นใหม่จึงเสนอกระบวนทัศน์ใหม่ที่มองว่า "ปัญหาปากท้อง" ไม่สามารถแก้ได้ด้วยการแจกเงินหรือกระตุ้นการบริโภคเพียงอย่างเดียว แต่ต้องแก้ที่ "ระบบคิด" เกี่ยวกับมูลค่า (Value) และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ

  • จากผู้ถูกปกครองสู่หุ้นส่วน: ประชาชนไม่ใช่แค่ผู้รอรับความช่วยเหลือ แต่เป็นเจ้าของทุนมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรี

  • จากกำไรสูงสุดสู่ความยั่งยืน: เป้าหมายการพัฒนาประเทศต้องเปลี่ยนจาก GDP ไปสู่ดัชนีชี้วัดความอยู่ดีมีสุขและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์


3. วิเคราะห์นโยบายเรือธงด้านเศรษฐกิจ: ปฏิวัติระบบการเงินด้วย "สถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย"

นโยบายที่ถือเป็นหัวใจและมีความท้าทายที่สุดของพรรควิชชั่นใหม่ คือการผลักดัน "ร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย" 1 ข้อเสนอนี้มิใช่เพียงนโยบายประชานิยม แต่เป็นการเสนอเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน (Financial Infrastructure) ของประเทศ

3.1 ปัญหาของระบบดอกเบี้ยในบริบทไทย

ระบบเศรษฐกิจไทยปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยระบบการเงินฐานดอกเบี้ย (Interest-based System) ซึ่งพรรควิชชั่นใหม่และนักเศรษฐศาสตร์แนวทางเลือกมองว่าเป็นต้นตอของความเหลื่อมล้ำ การคิดดอกเบี้ยทบต้นทำให้ภาระหนี้สินของผู้มีรายได้น้อยพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าความสามารถในการหารายได้ โดยเฉพาะในภาวะวิกฤตที่รายได้หดหายแต่ดอกเบี้ยยังคงเดินหน้าต่อไป 1

นายธงรบ ด่านอำไพ ในฐานะผู้มีประสบการณ์ตรงจากการเป็นผู้บริหารธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 10 ได้ชี้ให้เห็นว่าระบบดอกเบี้ยทำให้ "เงิน" กลายเป็นสินค้าที่มีราคาในตัวเอง แทนที่จะเป็นเพียงสื่อกลาง การที่เจ้าของเงินทุนได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน (Fixed Return) ในรูปของดอกเบี้ย โดยไม่ต้องรับความเสี่ยงจากการประกอบการ (Risk-free) เป็นการผลักภาระความเสี่ยงทั้งหมดไปที่ผู้กู้ ซึ่งมักเป็นผู้ประกอบการรายย่อยหรือเกษตรกร

3.2 กลไกการทำงานของระบบการเงินไร้ดอกเบี้ย (Interest-free Mechanism)

สิ่งที่พรรควิชชั่นใหม่นำเสนอ ไม่ใช่การให้ยืมเงินฟรี (Free Money) แต่เป็นการเปลี่ยนรูปแบบความสัมพันธ์ทางการเงินจาก "เจ้าหนี้-ลูกหนี้" (Creditor-Debtor) มาเป็น "หุ้นส่วน" (Partnership) ภายใต้หลักการแบ่งปันผลกำไรและขาดทุน (Profit and Loss Sharing - PLS) 12

  1. Mudarabah (Trustee Financing): ธนาคารเป็นเจ้าของเงินทุน ผู้กู้เป็นผู้ลงแรงและทักษะ (Entrepreneur) หากมีกำไร แบ่งกันตามสัดส่วนที่ตกลง หากขาดทุน (โดยสุจริต) ธนาคารรับภาระทางตัวเงิน ผู้กู้เสียแรงงานและเวลา หลักการนี้สอดคล้องกับแนวคิด "เศรษฐกิจมนุษย์" ที่ให้ค่ากับความสามารถของมนุษย์เทียบเท่ากับเงินทุน 1

  2. Musharakah (Joint Venture): ทั้งธนาคารและผู้กู้ลงเงินทุนร่วมกัน และบริหารงานร่วมกัน กำไรแบ่งตามสัดส่วนที่ตกลง ขาดทุนแบ่งตามสัดส่วนเงินทุน

3.3 ความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์และการยอมรับของสังคมที่ไม่ใช่มุสลิม

คำถามสำคัญคือ นโยบายนี้จะได้รับการยอมรับในสังคมไทยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมได้หรือไม่?

งานวิจัยของ Ezeh และ Nkamnebe (2022) และ Su'un et al. (2018) ระบุชัดเจนว่า ศาสนาไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กำหนดการยอมรับธนาคารไร้ดอกเบี้ย ผู้บริโภคที่ไม่ใช่มุสลิม (Non-Muslims) จำนวนมากหันมาใช้บริการธนาคารอิสลามเนื่องจากเหตุผลด้านจริยธรรม (Ethics), ความโปร่งใส, และเสถียรภาพของระบบที่ไม่เน้นการเก็งกำไร 13

ในบริบทของประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ การผลักดัน พรบ. นี้จึงไม่ใช่เรื่องของการ "แปลงประเทศเป็นอิสลาม" (Islamization) แต่เป็นการนำ "นวัตกรรมทางการเงิน" (Financial Innovation) ที่มีความเป็นสากลมาใช้ เพื่อ:

  1. ปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมาย: เปิดทางให้ทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกองทุนความมั่งคั่งจากตะวันออกกลาง (Sovereign Wealth Funds) ที่ต้องการลงทุนตามหลักชารีอะห์ สามารถไหลเข้าสู่ประเทศไทยได้ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ยืนยันว่ามีเม็ดเงินจำนวนมหาศาลรอลงทุนอยู่แต่ติดขัดเรื่องกฎหมายดอกเบี้ย 1

  2. สร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ: ระบบ PLS บังคับให้สถาบันการเงินต้องใส่ใจกับความสำเร็จของธุรกิจลูกค้าอย่างแท้จริง เพราะหากลูกค้าเจ๊ง ธนาคารก็ไม่ได้อะไรเลย ซึ่งต่างจากระบบดอกเบี้ยที่ธนาคารยังสามารถยึดหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ 12

3.4 ผลกระทบที่คาดหวังต่อหนี้ครัวเรือน

การนำระบบนี้มาใช้ควบคู่กับระบบเดิม จะสร้างทางเลือกใหม่ในการปรับโครงสร้างหนี้ (Debt Restructuring) สำหรับหนี้เสีย (NPLs) การแปลงหนี้เป็นทุน หรือการร่วมลงทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการ จะช่วยให้ SMEs และภาคครัวเรือนมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วกว่าการถูกฟ้องล้มละลายหรือยึดทรัพย์ นี่คือรูปธรรมของการ "ให้โอกาสมนุษย์" ตามปรัชญาของพรรค


4. วิเคราะห์นโยบายเรือธงด้านการเมือง: ปฏิรูปโครงสร้างอำนาจและธรรมาภิบาล

พรรควิชชั่นใหม่ตระหนักดีว่า นโยบายเศรษฐกิจที่ดีไม่สามารถขับเคลื่อนได้หากปราศจากโครงสร้างทางการเมืองที่มีเสถียรภาพและธรรมาภิบาล จึงนำเสนอนวัตกรรมทางการเมืองที่มุ่งแก้ปัญหาเรื้อรังของระบอบประชาธิปไตยไทย

4.1 "1 พรรค 1 กระทรวง": ทางออกของกับดักรัฐบาลผสม

การเมืองไทยมักประสบปัญหาจากรูปแบบรัฐบาลผสม (Coalition Government) ที่มีการแบ่งโควตารัฐมนตรีตามจำนวน ส.ส. (Quota System) 14 ปัญหานี้ทำให้เกิด:

  • การบริหารงานแบบเบี้ยหัวแตก: กระทรวงที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องกัน (เช่น เกษตร, พาณิชย์, อุตสาหกรรม) มักอยู่คนละพรรค ทำให้ขาดการบูรณาการข้อมูลและนโยบาย (Policy Fragmentation)

  • การขาดความรับผิดชอบ (Accountability): เมื่อนโยบายล้มเหลว พรรคร่วมมักโทษกันไปมา ประชาชนไม่รู้จะเอาผิดใคร

นโยบาย "1 พรรค 1 กระทรวง" 2 เป็นข้อเสนอเพื่อสร้างเอกภาพในการบริหาร (Unity of Command) โดยพรรคการเมืองใดที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงใด จะต้องรับผิดชอบทั้งรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วย เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายของพรรคได้อย่างเต็มที่ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ นี่คือการนำหลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ (Management Principle) มาใช้กับการเมือง เพื่อให้ "ผลงาน" เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จที่แท้จริง

4.2 การจำกัดวาระและสร้างเลือดใหม่

การเสนอให้ ส.ส. และรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปี หรือ 2 สมัย 2 เป็นมาตรการที่กล้าหาญในการทลายระบบ "บ้านใหญ่" หรือตระกูลการเมือง (Political Dynasties) ที่ผูกขาดอำนาจในพื้นที่มาอย่างยาวนาน การจำกัดวาระจะบังคับให้เกิดการผลัดใบ (Political Turnover) เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ใหม่ๆ เข้าสู่ระบบ และป้องกันการสั่งสมอิทธิพลและผลประโยชน์ทับซ้อนที่หยั่งรากลึก

4.3 AI ต้านโกง: เทคโนโลยีเพื่อความโปร่งใส

แม้ไม่ใช่หนึ่งใน 4 นโยบายหลักที่ประกาศบนเวที แต่ในบริบทของการแก้ปัญหาคอร์รัปชันเชิงระบบ พรรควิชชั่นใหม่ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มโลกในการใช้ AI ต่อต้านคอร์รัปชัน (Anti-Corruption AI) 15

การบูรณาการระบบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (Open Data) เข้ากับระบบ AI จะช่วยให้สามารถ:

  1. ตรวจจับความผิดปกติ (Anomaly Detection): AI สามารถวิเคราะห์แพทเทิร์นการฮั้วประมูล หรือราคาที่สูงผิดปกติได้รวดเร็วกว่ามนุษย์

  2. เชื่อมโยงเครือข่ายผลประโยชน์: ระบบ ACT AI ที่มีการพัฒนาในไทย สามารถแสดงความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง ข้าราชการ และคู่สัญญาเอกชน 16

    การผลักดันเรื่องนี้ต้องอาศัยเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ ซึ่งพรรควิชชั่นใหม่ได้แสดงออกผ่านจุดยืนเรื่องความโปร่งใส


5. วิเคราะห์นโยบายเรือธงด้านสังคม: โมเดล "บ้านหลังที่ 2" กับสังคมสูงวัย

5.1 สึนามิประชากรและวิกฤตการดูแล

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับ "สึนามิสีเงิน" (Silver Tsunami) หรือการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากรผู้สูงอายุ ข้อมูลชี้ว่าโครงสร้างครอบครัวไทยเปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่มีลูกน้อยลง ทำให้ผู้สูงอายุจำนวนมากเสี่ยงต่อการถูกทอดทิ้งหรือขาดคนดูแล (Dependency Ratio Crisis) 18

5.2 นิยามใหม่ของ "บ้านหลังที่ 2" (Second Home)

นโยบาย "บ้านหลังที่ 2 เพื่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุไทย" 2 เป็นการเสนอนวัตกรรมทางสังคม (Social Innovation) ที่เปลี่ยนมุมมองต่อสถานดูแลผู้สูงอายุ

  • De-stigmatization: เปลี่ยนภาพลักษณ์จาก "บ้านพักคนชรา" ที่น่าสังเวช ให้กลายเป็น "บ้านหลังที่ 2" ที่มีความอบอุ่น สะดวกสบาย และมีมาตรฐาน

  • Holistic Care: จากงานวิจัยของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ (Chula Day Care) พบว่าการดูแลที่มีประสิทธิภาพต้องประกอบด้วยการดูแลสุขภาพกาย (Physical), สุขภาพใจ (Mental), และสังคม (Social) 20 นโยบายนี้จึงน่าจะมุ่งเน้นการสร้างชุมชนที่ผู้สูงอายุสามารถมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ไม่ใช่แค่รอความช่วยเหลือ

  • Silver Economy: การพัฒนาโครงการบ้านหลังที่ 2 ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์และบริการสุขภาพ รองรับทั้งผู้สูงอายุไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาเกษียณอายุในไทย (International Retirement Migration - IRM) 21 ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์เศรษฐกิจมนุษย์ที่มองเห็นโอกาสในวิกฤต

5.3 กลไกความสำเร็จ

เพื่อให้นโยบายนี้สำเร็จ พรรควิชชั่นใหม่อาจต้องผลักดันมาตรการเสริม เช่น:

  • การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (หรือปลอดดอกเบี้ยตามนโยบายพรรค) ให้กับผู้ประกอบการที่สร้างที่พักอาศัยเพื่อผู้สูงอายุ

  • การบูรณาการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Health Tech) เพื่อเชื่อมโยงบ้านหลังที่ 2 เข้ากับโรงพยาบาล


6. วิเคราะห์นโยบายเรือธงด้านความมั่นคง: สันติภาพและการพัฒนาชายแดนใต้

6.1 เศรษฐกิจนำการทหาร

พรรควิชชั่นใหม่ตั้งเป้าแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 1 แม้รายละเอียดจะไม่ปรากฏมากนักในข่าว แต่เมื่อพิจารณาจากบริบทของพรรคที่มีความเข้าใจในวัฒนธรรมมุสลิม (ผ่านแกนนำอย่างนายธงรบและนายพิเชษฐ) แนวทางของพรรคน่าจะเป็น "การเมืองนำการทหาร" และ "เศรษฐกิจนำความมั่นคง"

6.2 ความสอดคล้องกับนโยบายการเงิน

การผลักดัน พรบ. สถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย จะมีผลโดยตรงต่อพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิมและมีความกังวลเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงินที่ขัดต่อหลักศาสนา (Riba) 23 การมีสถาบันการเงินที่ถูกต้องตามหลักศาสนาและได้รับการรับรองตามกฎหมายไทยอย่างเต็มรูปแบบ จะช่วยเปิดประตูโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับคนในพื้นที่ ลดความรู้สึกแปลกแยกและไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเป็นรากเหง้าหนึ่งของความขัดแย้ง


7. บทสังเคราะห์: วิชชั่น 24 ประการ (The 24 New Visions)

จากการวิเคราะห์เนื้อหาข่าว นโยบายเรือธง ปรัชญา "เศรษฐกิจมนุษย์" และบริบทความท้าทายของประเทศ สามารถถอดรหัสและจำแนก "วิชชั่น 24 ประการ" ที่พรรควิชชั่นใหม่นำเสนอเป็นพันธสัญญาประชาคม (Social Contract) ในการเลือกตั้งปี 2569 ได้ดังนี้:

หมวดที่ 1: การปฏิรูปเศรษฐกิจมนุษย์ (Economic Humanism)

  1. สถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย: ผลักดันกฎหมายรองรับระบบการเงินแบบแบ่งปันกำไร (Profit Sharing) เพื่อความเป็นธรรม

  2. ปลดแอกหนี้สินครัวเรือน: ใช้กลไกการเงินใหม่ปรับโครงสร้างหนี้ แปลงหนี้เป็นทุน เปลี่ยนสถานะจากลูกหนี้เป็นหุ้นส่วน

  3. ดึงดูดทุนสากล: แก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับกองทุนความมั่งคั่งจากตะวันออกกลางและกองทุนจริยธรรมทั่วโลก

  4. ทุนมนุษย์นำทุนเงิน: สร้างกลไกประเมินมูลค่าทักษะและความสามารถ (Skill Capital) เพื่อใช้ค้ำประกันสินเชื่อแทนหลักทรัพย์

  5. โอกาสที่เท่าเทียม: ขจัดอุปสรรคการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับคนตัวเล็กและ SMEs

  6. เศรษฐกิจฐานรากที่ยั่งยืน: กระจายความมั่งคั่งสู่ชุมชนผ่านวิสาหกิจชุมชนที่เข้มแข็ง

หมวดที่ 2: การเมืองและธรรมาภิบาล (Political Reform)

  1. 1 พรรค 1 กระทรวง: ยุติระบบโควตาผสม สร้างเอกภาพและความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้

  2. จำกัดวาระ 8 ปี: ป้องกันการผูกขาดอำนาจ สร้างวัฒนธรรมการเมืองแบบผลัดใบ

  3. ทางเลือกที่สาม: สร้างพื้นที่ทางการเมืองที่ก้าวข้ามความขัดแย้งระหว่างขั้วอำนาจเก่า

  4. การเมืองบริการ 24 ชม.: เปลี่ยนบทบาท ส.ส. เป็นผู้ให้บริการสาธารณะที่เข้าถึงได้ตลอดเวลา

  5. AI ต้านโกง: ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ตรวจสอบความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

  6. กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น: ให้อำนาจชุมชนในการจัดการทรัพยากรและงบประมาณ

หมวดที่ 3: สังคมและคุณภาพชีวิต (Social Well-being)

  1. บ้านหลังที่ 2: ยกระดับมาตรฐานที่พักอาศัยและการดูแลผู้สูงอายุให้เป็นสิทธิพื้นฐาน

  2. สังคมสูงวัยที่มีพลัง (Active Aging): ส่งเสริมการจ้างงานและกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ

  3. ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์: นโยบายสวัสดิการที่เคารพในความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่การสงเคราะห์

  4. สาธารณสุขเชิงรุก: เน้นการป้องกันและดูแลสุขภาพระยะยาว (Long-term Care)

  5. การศึกษาเพื่อสัมมาอาชีวะ: พัฒนาหลักสูตรที่เน้นทักษะอาชีพและจริยธรรม

  6. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน: บูรณาการเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยในชุมชน

หมวดที่ 4: ความมั่นคงและการต่างประเทศ (Security & Connectivity)

  1. สันติภาพชายแดนใต้: แก้ปัญหาด้วยความเข้าใจ อัตลักษณ์ และการพัฒนาเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต

  2. การทูตเศรษฐกิจใหม่: ใช้จุดแข็งเรื่องการเงินไร้ดอกเบี้ยเชื่อมโยงไทยกับโลกมุสลิมและตลาดเกิดใหม่

  3. ความมั่นคงทางอาหาร: ส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

  4. สิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด: สนับสนุนการลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)

  5. ลดความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่: กระจายโอกาสการพัฒนาสู่ภูมิภาคอย่างทั่วถึง

  6. ชาติมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน: การบูรณาการทุกนโยบายเพื่อเป้าหมายสูงสุดคือความมั่นคงของมนุษย์ (Human Security)


8. สรุปผลการวิเคราะห์

การวิเคราะห์นโยบายของพรรควิชชั่นใหม่ในการเลือกตั้งปี 2569 ชี้ให้เห็นถึงความพยายามในการนำเสนอ "กระบวนทัศน์ใหม่" (New Paradigm) ที่ท้าทายโครงสร้างเดิมอย่างสิ้นเชิง จุดเด่นที่สุดคือการนำปรัชญา "เศรษฐกิจมนุษย์" มาเป็นแกนกลางในการออกแบบนโยบาย ซึ่งแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่มักเน้นนโยบายประชานิยมระยะสั้น

ข้อเสนอเรื่อง "สถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย" และ "1 พรรค 1 กระทรวง" สะท้อนถึงความกล้าหาญทางนโยบายที่ต้องการแก้ปัญหาที่รากเหง้า (Root Cause) ของความเหลื่อมล้ำและประสิทธิภาพการบริหาร อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญของพรรควิชชั่นใหม่คือการสื่อสารนโยบายที่มีความซับซ้อนเชิงเทคนิค (Technical Complexity) ให้ประชาชนเข้าใจง่าย และการสร้างความเชื่อมั่นว่าพรรคขนาดเล็กจะสามารถผลักดันการเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้างนี้ได้จริง

ในบริบทที่ประเทศไทยต้องการทางออกใหม่ "วิชชั่น 24 ประการ" ของพรรควิชชั่นใหม่ จึงมิใช่เพียงชุดนโยบายหาเสียง แต่เป็นข้อเสนอทางยุทธศาสตร์ที่มุ่งเปลี่ยนทิศทางประเทศจากการมุ่งเน้นตัวเลขทางเศรษฐกิจ ไปสู่การให้ความสำคัญกับ "มนุษย์" ในฐานะศูนย์กลางของการพัฒนาอย่างแท้จริง ซึ่งหากทำได้สำเร็จ จะเป็นการวางรากฐานใหม่ให้กับอนาคตของสังคมไทยในศตวรรษที่ 21


ตารางที่ 1: การสังเคราะห์เปรียบเทียบแนวนโยบายเศรษฐกิจ

มิติการเปรียบเทียบทุนนิยมกระแสหลัก (Mainstream Capitalism)เศรษฐกิจมนุษย์ (Human Economy - New Vision Party)
เป้าหมายหลักกำไรสูงสุด (Profit Maximization)ความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ (Human Well-being)
กลไกการเงินระบบดอกเบี้ย (Interest-based)ระบบแบ่งปันกำไร-ขาดทุน (Profit & Loss Sharing)
สถานะของมนุษย์แรงงาน / ผู้บริโภคหุ้นส่วน / ทุนมนุษย์
บทบาทของรัฐอำนวยความสะดวกให้ทุนสร้างโอกาสและปกป้องศักดิ์ศรีมนุษย์
การแก้ปัญหาหนี้ปรับโครงสร้างหนี้ / ยึดทรัพย์แปลงหนี้เป็นทุน / ร่วมรับความเสี่ยง

รายงานฉบับนี้หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนในการทำความเข้าใจทิศทางและศักยภาพของนโยบายสาธารณะใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งสำคัญนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิด 24 วิชชั่นบริการ 24 ชั่วโมง พรรควิชชั่นใหม่ สู้ศึกเลือกตั้งปี 2569

วิเคราะห์วิชชั่นใหม่ 24 ประการของนโยบายสู้ศึกเลือกตั้งปี 2569 ของพรรควิชชั่นใหม่: การถอดรหัสปรัชญาเศรษฐกิจมนุษย์และยุทธศาสตร์ทางเลือกที่สาม ...