รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์: พลวัตทางการเมืองและยุทธศาสตร์ "วิสัยทัศน์ใหม่" ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2569
การวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ต่อนโยบายเศรษฐกิจมนุษย์ สถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย และการปฏิรูปโครงสร้างรัฐกิจ
บทคัดย่อ
รายงานการวิจัยฉบับนี้มุ่งศึกษาปรากฏการณ์การก่อตัวและยุทธศาสตร์ทางการเมืองของ "พรรควิชชั่นใหม่" (New Vision Party) ภายใต้บริบททางการเมืองไทยที่กำลังมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569 การศึกษานี้เจาะลึกถึงรากฐานทางปรัชญาของพรรคที่ประกาศจุดยืนเรื่อง "เศรษฐกิจมนุษย์" (Human Economy) ซึ่งท้าทายกระแสหลักของระบบทุนนิยมเสรีนิยมใหม่ โดยผ่านการวิเคราะห์เชิงโครงสร้างใน 4 นโยบายหลัก ได้แก่ (1) การจัดตั้งสถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ (2) การปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดินแบบ "1 พรรค 1 กระทรวง" เพื่อขจัดปัญหาเกาเหลาในพรรคร่วมรัฐบาล (3) การยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุผ่านนโยบาย "บ้านหลังที่ 2" และ (4) การนำเสนอกฎหมายความโปร่งใส (Transparency Act) ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า พรรควิชชั่นใหม่พยายามนำเสนอทางเลือกที่สาม (Third Way) ที่ผสมผสานระหว่างหลักจริยธรรมทางศาสนากับนวัตกรรมการบริหารจัดการสมัยใหม่ เพื่อตอบโจทย์วิกฤตศรัทธาทางการเมืองและกับดักความขัดแย้งที่ฝังรากลึกในสังคมไทย
1. บทนำ: ภูมิทัศน์การเมืองไทยก่อนการเลือกตั้ง 2569
1.1 บริบทความขัดแย้งและการเปลี่ยนผ่าน
เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ของปี พ.ศ. 2569 บรรยากาศทางการเมืองเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความคาดหวัง สังคมไทยได้ผ่านบทเรียนจากวิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง การรัฐประหาร และการบริหารงานภายใต้รัฐบาลผสมที่ไร้เสถียรภาพมาอย่างยาวนาน การเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569
ข้อมูลจากสวนดุสิตโพลและนักวิเคราะห์การเมืองระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งและต้องการเห็น "ทีมงานมืออาชีพ" ที่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องได้จริง มากกว่าการต่อสู้ด้วยวาทกรรมทางการเมืองแบบเดิม
1.2 วิกฤตศรัทธาและช่องว่างทางการเมือง
ปัญหาเรื้อรังของการเมืองไทยคือ "การทุจริตเชิงนโยบาย" และ "ความไร้ประสิทธิภาพของระบบราชการ" ซึ่งส่งผลให้การพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างล่าช้า รัฐบาลผสมในอดีตมักประสบปัญหาการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี (Portfolio Allocation) ที่เน้นโควตามากกว่าความสามารถ
ช่องว่างเหล่านี้เปิดโอกาสให้ "พรรควิชชั่นใหม่" ภายใต้การนำของ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ประกาศตัวเข้าสู่สนามเลือกตั้งด้วยภาพลักษณ์ของ "นักแก้ปัญหาที่มีประสบการณ์" ผนวกกับ "นวัตกรรมทางนโยบาย" ที่มุ่งเน้นการรื้อโครงสร้างเดิมที่ฟอนเฟะ เพื่อสร้างระบบนิเวศทางการเมืองใหม่ที่โปร่งใสและตรวจสอบได้
2. กำเนิดพรรควิชชั่นใหม่: จากกลุ่มการเมืองสู่อสุนีบาตแห่งการเปลี่ยนแปลง
2.1 ปฐมบทแห่งการรวมตัว
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ได้เกิดปรากฏการณ์ทางการเมืองที่สำคัญ คือการเปิดตัว "กลุ่มวิชชั่นใหม่" (New Vision Group) ซึ่งเป็นการรวมตัวของอดีตนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง สมาชิกวุฒิสภา และนักวิชาการกว่า 100 ชีวิต
นายพิเชษฐ สถิรชวาล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงคมนาคม ประธานกลุ่ม ได้ประกาศเจตนารมณ์ที่ชัดเจนว่า "เราไม่ได้มาเพื่อหาตำแหน่งหรืออำนาจ แต่มาร่วมกันเพราะรักประเทศไทย"
2.2 โครงสร้างบุคลากรและยุทธศาสตร์องค์กร
จุดแข็งของพรรควิชชั่นใหม่คือการผสมผสานระหว่าง "ประสบการณ์" และ "ความเชี่ยวชาญ" บุคลากรหลักของพรรคประกอบด้วย:
นายพิเชษฐ สถิรชวาล: หัวหน้าพรรคและแกนนำหลัก ผู้มีประสบการณ์ยาวนานในกระทรวงเศรษฐกิจและคมนาคม รวมถึงบทบาทสำคัญในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
12 ซึ่งเป็นทุนทางสังคมที่สำคัญในการดึงดูดฐานเสียงมุสลิมและภาคใต้พล.ต.ต.วิญญู อำนวยสมบัติ: อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บึงกาฬ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งดูแลนโยบายด้านความปลอดภัยและการปราบปรามภัยคุกคามรูปแบบใหม่
9 ดร.ณัฐพล เนื่องชมพู และ ดร.ดวง อันทะไชย: อดีตสมาชิกวุฒิสภาและนักวิชาการ เป็นมันสมองในการกลั่นกรองนโยบายและวางรากฐานทางกฎหมาย
10
ยุทธศาสตร์ของพรรคคือการนำเสนอ "พ.ร.บ.ความโปร่งใส" (Transparency Act) เป็นนโยบายเรือธง โดยเสนอให้ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อขจัดช่องโหว่การทุจริต เช่น กรณีการจัดซื้อวัสดุก่อสร้างในราคาสูงเกินจริง
3. สุนทรพจน์เรื่อง "เศรษฐกิจมนุษย์": การเปลี่ยนผ่านกระบวนทัศน์ทางเศรษฐศาสตร์
ในการเปิดตัวพรรค สาระสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นแกนกลางของอุดมการณ์พรรคคือแนวคิด "เศรษฐกิจมนุษย์" (Human Economy) ซึ่งนายพิเชษฐและคณะทำงานได้นำเสนอผ่านสุนทรพจน์ที่สะท้อนถึงความลึกซึ้งทางปรัชญา มากกว่าเป็นเพียงคำขวัญหาเสียง
3.1 การรื้อถอนมายาคติ "มนุษย์เศรษฐกิจ" (Deconstructing Homo Economicus)
แนวคิดเศรษฐกิจมนุษย์ของพรรควิชชั่นใหม่ ยืนอยู่บนฐานการวิพากษ์เศรษฐศาสตร์กระแสหลักที่มองมนุษย์เป็นเพียง Homo Economicus หรือสัตว์เศรษฐกิจที่ตัดสินใจทุกอย่างเพื่อผลกำไรสูงสุดส่วนตน
พรรควิชชั่นใหม่เสนอว่า ระบบเศรษฐกิจที่แท้จริงต้องเป็นระบบที่ "มนุษย์เป็นศูนย์กลาง" (Human-Centric) ไม่ใช่ "ทุนเป็นศูนย์กลาง" (Capital-Centric) เศรษฐกิจต้องรับใช้สังคม ไม่ใช่สังคมต้องปรับตัวเพื่อรับใช้กลไกตลาด
3.2 บูรณาการพุทธปรัชญาและเศรษฐศาสตร์เชิงจริยธรรม
จากการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงลึก แนวคิดเศรษฐกิจมนุษย์ของพรรคยังมีกลิ่นอายของ "พุทธเศรษฐศาสตร์" (Buddhist Economics) ที่เน้นทางสายกลาง (Middle Path) และความยั่งยืน
การลดความโลภ (Minimizing Greed): เศรษฐกิจที่ดีไม่ใช่การบริโภคสูงสุด แต่คือการมีความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) สูงสุดด้วยการใช้ทรัพยากรที่เหมาะสม
ทุนมนุษย์ (Human Capital): การมองว่าการลงทุนในคน การศึกษา และสุขภาพ เป็นการสร้างทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดของชาติ
20 ไม่ใช่ภาระงบประมาณความโปร่งใสในฐานะจริยธรรม: การนำ AI มาใช้ตรวจสอบการทุจริต ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเทคนิค แต่เป็นเรื่องของการสร้าง "ศีลธรรมทางเทคโนโลยี" เพื่อกำกับดูแลความโลภของมนุษย์
9
นัยสำคัญของสุนทรพจน์นี้คือการประกาศว่า พรรควิชชั่นใหม่จะไม่เล่นเกมประชานิยมแจกเงินระยะสั้น แต่จะมุ่งสร้างระบบเศรษฐกิจที่มีรากฐานทางจริยธรรมที่แข็งแกร่ง เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว
4. การวิเคราะห์นโยบาย: สถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย (Interest-Free Financial Institution)
นโยบายที่ถือเป็น "Disruptive Policy" ที่สุดของพรรควิชชั่นใหม่ คือการเสนอจัดตั้งสถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย ซึ่งมิได้จำกัดอยู่เพียงกรอบของศาสนาอิสลาม แต่เป็นการนำเสนอโมเดลการเงินทางเลือกสำหรับคนไทยทุกศาสนา เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เรื้อรัง
4.1 วิกฤตหนี้ครัวเรือนและกับดักดอกเบี้ย
ประเทศไทยประสบปัญหาหนี้ครัวเรือนในระดับวิกฤต ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest) ที่ทำให้ผู้กู้รายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้า ไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรหนี้ได้ แม้จะชำระหนี้ไปมากเพียงใด แต่เงินต้นกลับลดลงเพียงเล็กน้อย
4.2 กลไกการทำงาน: โมเดลผสมผสาน
จากการสังเคราะห์ข้อมูล นโยบายนี้มีแนวโน้มที่จะประยุกต์ใช้โมเดลผสมผสานระหว่างหลักการเงินอิสลาม (Islamic Finance) และระบบธนาคารสมาชิกแบบตะวันตก (Member-Owned Bank):
หลักการแบ่งปันความเสี่ยง (Risk Sharing): แทนที่จะคิดดอกเบี้ยคงที่ สถาบันการเงินจะใช้ระบบแบ่งปันผลกำไรและขาดทุน (Profit and Loss Sharing - PLS) ในกรณีของการกู้เพื่อการลงทุน ซึ่งสร้างความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย
22 โมเดล JAK Members Bank: พรรคอาจนำแนวคิดจากธนาคาร JAK ในสวีเดนมาปรับใช้ โดยใช้ระบบ "แต้มการออม" (Savings Points) สมาชิกต้องออมเงินระยะหนึ่งเพื่อสะสมแต้ม จากนั้นจึงนำแต้มมาแลกสิทธิ์กู้เงินโดยไม่มีดอกเบี้ย (คิดเพียงค่าธรรมเนียมบริหารจัดการ)
24 วิธีนี้ส่งเสริมวินัยการออมและแก้ปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัวค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรม (Fair Fees): รายได้ของสถาบันการเงินจะมาจากค่าธรรมเนียมบริการที่ชัดเจนและคงที่ (Flat Fee) แทนอัตราดอกเบี้ยที่ผันผวน ซึ่งสอดคล้องกับหลักความโปร่งใส
26
4.3 นัยทางการเมืองและกลุ่มเป้าหมาย
นโยบายนี้มีความชาญฉลาดในเชิงยุทธศาสตร์การหาเสียง:
กลุ่มชาวไทยมุสลิม: นายพิเชษฐมีฐานเสียงเดิมในกลุ่มมุสลิมและจังหวัดชายแดนภาคใต้ การชูนโยบายนี้เป็นการตอบสนองความต้องการทางศาสนาโดยตรง
12 กลุ่มเกษตรกรและคนจนเมือง: เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากหนี้นอกระบบและดอกเบี้ยบัตรเครดิตมากที่สุด นโยบายนี้จึงเป็น "แสงสว่าง" สำหรับผู้ที่ต้องการปลดแอกหนี้สิน
ภาพลักษณ์สากล: การอ้างอิงโมเดลสวีเดนหรือแนวคิดเศรษฐกิจมนุษย์ ช่วยให้นโยบายนี้ดูทันสมัยและเป็นสากล ไม่ถูกจำกัดว่าเป็นเรื่องทางศาสนาเพียงอย่างเดียว
5. การวิเคราะห์นโยบาย: 1 พรรค 1 กระทรวง (Administrative Integrity)
การเมืองไทยในระบบรัฐสภามักจบลงด้วยรัฐบาลผสม (Coalition Government) ซึ่งนำไปสู่ปัญหาการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีแบบ "เบี้ยหัวแตก" หรือการกระจายโควตา รัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยมาจากต่างพรรคกัน ทำให้เกิดความขัดแย้งในการบริหารงาน พรรควิชชั่นใหม่จึงเสนอนโยบาย "1 พรรค 1 กระทรวง" เพื่อปฏิรูปประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน
5.1 พยาธิสภาพของรัฐบาลผสมไทย
ในอดีต การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีมักใช้สูตรคณิตศาสตร์การเมือง (เช่น ส.ส. 7 คน ต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี) โดยไม่คำนึงถึงความเชี่ยวชาญหรือเอกภาพในการบริหาร
ความขัดแย้งเชิงนโยบาย: รัฐมนตรีช่วยจากพรรคหนึ่งอาจขัดขวางนโยบายของรัฐมนตรีว่าการจากอีกพรรคหนึ่งเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
การแบ่งแยกพื้นที่บริหาร: ข้าราชการเกิดความสับสนในสายการบังคับบัญชา และมีการวิ่งเต้นเส้นสายกับนักการเมืองแต่ละขั้ว
การทุจริตเชิงประจักษ์: การตรวจสอบภายในกระทรวงทำได้ยากเมื่อมีการแบ่งเค้กผลประโยชน์กันอย่างลงตัว หรือมีการเกรงใจกันระหว่างพรรคร่วม
28
5.2 หลักการ "เอกภาพในการบังคับบัญชา" (Unity of Command)
ข้อเสนอของพรรควิชชั่นใหม่คือ เมื่อพรรคใดได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงใด พรรคนั้นต้องได้รับอำนาจในการบริหารเบ็ดเสร็จทั้งกระทรวง (รัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยต้องมาจากพรรคเดียวกัน หรืออยู่ภายใต้อาณัติที่ตกลงกันได้อย่างชัดเจน) เพื่อให้:
การขับเคลื่อนนโยบายรวดเร็ว: นโยบายพรรคสามารถแปลงเป็นแผนปฏิบัติราชการได้ทันทีโดยไม่มีแรงต้านภายใน
ความรับผิดชอบชัดเจน (Accountability): หากกระทรวงนั้นล้มเหลว หรือมีการทุจริต ประชาชนสามารถชี้โทษไปที่พรรคนั้นได้โดยตรง ไม่สามารถอ้างว่าเป็นความผิดของพรรคร่วมได้
การลดต้นทุนธุรกรรมทางการเมือง: ลดเวลาในการเจรจาต่อรองรายวันในการบริหารราชการ
5.3 ความท้าทายและความเป็นไปได้
นโยบายนี้ท้าทายวัฒนธรรมการเมืองไทยอย่างยิ่ง เพราะพรรคขนาดใหญ่มักต้องการส่งรัฐมนตรีช่วยไป "ประกบ" เพื่อตรวจสอบหรือแบ่งปันงบประมาณในกระทรวงเกรดเอ การที่พรรควิชชั่นใหม่กล้าเสนอนโยบายนี้ แสดงถึงจุดยืนที่ต้องการเป็น "พรรคทางเลือก" ที่เน้นประสิทธิภาพ (Efficiency) เหนือการประนีประนอมทางการเมือง (Political Compromise) อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ การเจรจาเงื่อนไขนี้ในการจัดตั้งรัฐบาลปี 2569 จะเป็นบททดสอบสำคัญถึงอำนาจต่อรองของพรรค
6. การวิเคราะห์นโยบาย: บ้านหลังที่ 2 เพื่อผู้สูงอายุไทย (Second Home for the Elderly)
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับคลื่นสึนามิประชากร (Demographic Tsunami) โดยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอดในปี พ.ศ. 2578
6.1 จากปัญหาสู่โอกาส: การแปรสภาพ รพ.สต.
นโยบายนี้มุ่งเน้นการยกระดับ "โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล" (รพ.สต.) ทั่วประเทศ ให้กลายเป็นศูนย์กลางการดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร (Elderly Care Hub)
สถานการณ์ปัจจุบัน: รพ.สต. กำลังอยู่ในช่วงถ่ายโอนภารกิจไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรและงบประมาณอย่างหนัก
30 ทำให้ศักยภาพในการดูแลสุขภาพปฐมภูมิลดถอยลงข้อเสนอวิชชั่นใหม่: ปรับปรุง รพ.สต. ให้เป็น Day Care Center หรือ "บ้านหลังที่ 2" ที่ผู้สูงอายุสามารถมาใช้ชีวิตในตอนกลางวัน มีกิจกรรมนันทนาการ การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการดูแลทางโภชนาการ โดยมีมาตรฐานความปลอดภัยแบบ Universal Design
6.2 กลไกการขับเคลื่อน: ชุมชนดูแลชุมชน
นโยบายนี้ไม่ได้พึ่งพางบประมาณรัฐเพียงอย่างเดียว แต่ใช้กลไกทางสังคมตามแนวคิดเศรษฐกิจมนุษย์:
Community-Integrated Intermediary Care (CIIC): การนำรูปแบบการดูแลระยะกลางในชุมชนมาใช้ เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลใหญ่
33 ธนาคารเวลาและอาสาสมัคร: ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ (Active Aging) หรือคนในชุมชน มาเป็นอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่เปราะบาง โดยสะสมเครดิตเวลาเพื่อแลกสิทธิประโยชน์ในอนาคต
19 การจ้างงานในท้องถิ่น: สร้างอาชีพผู้ดูแล (Caregiver) ให้กับคนในพื้นที่ แก้ปัญหาการว่างงานและสร้างเศรษฐกิจชุมชน (Care Economy)
7
6.3 การตอบโจทย์สังคมสูงวัย
นโยบาย "บ้านหลังที่ 2" ตอบโจทย์ทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคม ในทางเศรษฐกิจ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวและปลดล็อกลูกหลานวัยทำงานให้สามารถกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้เต็มที่
7. บทวิเคราะห์ยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง 2569: โอกาสและความท้าทาย
7.1 การวางตำแหน่งทางการเมือง (Political Positioning)
พรรควิชชั่นใหม่วางตำแหน่งตนเองเป็น "พรรคทางเลือกที่เน้นนโยบายปฏิบัติจริง" (Pragmatic Policy Party) โดยหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในวังวนความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยมและฝ่ายก้าวหน้าแบบสุดโต่ง การชูประเด็น "ความโปร่งใส" และ "เศรษฐกิจมนุษย์" เป็นการดึงดูดฐานเสียงกลุ่มกลาง (Swing Voters) ที่เบื่อหน่ายการเมืองน้ำเน่า และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องธรรมาภิบาลและเทคโนโลยี
7.2 ตารางเปรียบเทียบยุทธศาสตร์พรรคการเมือง 2569
| พรรคการเมือง | จุดเน้นนโยบายหลัก | กลุ่มเป้าหมายหลัก | จุดแข็ง | จุดอ่อน |
| พรรควิชชั่นใหม่ | สถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย, 1 พรรค 1 กระทรวง, บ้านหลังที่ 2, พ.ร.บ.โปร่งใส (AI) | กลุ่มคนกลาง, มุสลิม, ผู้สูงอายุ, SMEs | นโยบายชัดเจน, ภาพลักษณ์มืออาชีพ, ไม่มีความขัดแย้งเดิม | เป็นพรรคใหม่, ฐานเสียงจัดตั้งยังไม่แน่นหนา |
| พรรคประชาชน | ปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ, สวัสดิการถ้วนหน้า | Gen Z, Gen Y, คนเมือง | ฐานเสียงคนรุ่นใหม่แน่นหนา, กระแสโซเชียลแรง | ถูกมองว่าเป็นคู่ขัดแย้งกับสถาบันหลัก, นโยบายสุดโต่ง |
| พรรคภูมิใจไทย | พูดแล้วทำ, แก้ปัญหาปากท้อง, กัญชา/เศรษฐกิจท้องถิ่น | ฐานเสียงภูธร, บ้านใหญ่ | ทรัพยากรพรรคมาก, เครือข่ายอุปถัมภ์เข้มแข็ง | ภาพลักษณ์เรื่องกัญชาและคอร์รัปชันในอดีต |
| พรรคเพื่อไทย | ดิจิทัลวอลเล็ต, เพิ่มค่าแรง, ประชานิยม | ฐานเสียงเดิม, รากหญ้า | แบรนด์แข็งแกร่ง, ประสบการณ์บริหาร | วิกฤตศรัทธาจากการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว |
7.3 ความท้าทายในการนำนโยบายสู่การปฏิบัติ
ความท้าทายสำคัญของพรรควิชชั่นใหม่คือการทำให้นโยบายเหล่านี้ "จับต้องได้" และ "เชื่อถือได้" ในสายตาประชาชน การจัดตั้งสถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ยต้องอาศัยกฎหมายรองรับและการระดมทุนมหาศาล การปฏิรูปกระทรวงต้องอาศัยอำนาจต่อรองทางการเมืองสูง ดังนั้น ยุทธศาสตร์การสื่อสารในช่วงหาเสียงจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการอธิบาย "วิธีการ" (How-to) ที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่ "เป้าหมาย" (Goal)
8. บทสรุป
พรรควิชชั่นใหม่ ภายใต้การนำของ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ได้นำเสนอชุดนโยบายที่มีความทะเยอทะยานและสร้างสรรค์สำหรับการเลือกตั้งปี 2569 โดยมีแกนกลางอยู่ที่การฟื้นฟู "ความเป็นมนุษย์" ในระบบเศรษฐกิจและการเมือง
เศรษฐกิจ: มุ่งสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำผ่านสถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย
การเมือง: มุ่งสร้างประสิทธิภาพและความรับผิดชอบผ่านนโยบาย 1 พรรค 1 กระทรวง และ พ.ร.บ.โปร่งใส
สังคม: มุ่งสร้างความมั่นคงในชีวิตผ่านนโยบายบ้านหลังที่ 2 เพื่อผู้สูงอายุ
รายงานการวิจัยสรุปได้ว่า พรรควิชชั่นใหม่มิได้เป็นเพียงพรรคไม้ประดับในสนามเลือกตั้ง แต่เป็นตัวแทนของกระแสความคิดใหม่ที่พยายามหาทางออกจากวิกฤตการณ์ของประเทศด้วย "ปัญญา" และ "จริยธรรม" หากพรรคสามารถสื่อสารวิสัยทัศน์เหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ พรรควิชชั่นใหม่อาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญ (Kingmaker) หรือแม้กระทั่งผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาลที่สามารถนำพาประเทศไทยก้าวข้ามกับดักความขัดแย้งไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนและโปร่งใสได้อย่างแท้จริง


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น