วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2568

เศรษฐกิจมนุษย์ วิสัยทัศน์ใหม่ พรรควิชชั่นใหม่


รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์: พลวัตทางการเมืองและยุทธศาสตร์ "วิสัยทัศน์ใหม่" ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2569


การวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ต่อนโยบายเศรษฐกิจมนุษย์ สถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย และการปฏิรูปโครงสร้างรัฐกิจ




บทคัดย่อ

รายงานการวิจัยฉบับนี้มุ่งศึกษาปรากฏการณ์การก่อตัวและยุทธศาสตร์ทางการเมืองของ "พรรควิชชั่นใหม่" (New Vision Party) ภายใต้บริบททางการเมืองไทยที่กำลังมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569 การศึกษานี้เจาะลึกถึงรากฐานทางปรัชญาของพรรคที่ประกาศจุดยืนเรื่อง "เศรษฐกิจมนุษย์" (Human Economy) ซึ่งท้าทายกระแสหลักของระบบทุนนิยมเสรีนิยมใหม่ โดยผ่านการวิเคราะห์เชิงโครงสร้างใน 4 นโยบายหลัก ได้แก่ (1) การจัดตั้งสถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ (2) การปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดินแบบ "1 พรรค 1 กระทรวง" เพื่อขจัดปัญหาเกาเหลาในพรรคร่วมรัฐบาล (3) การยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุผ่านนโยบาย "บ้านหลังที่ 2" และ (4) การนำเสนอกฎหมายความโปร่งใส (Transparency Act) ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า พรรควิชชั่นใหม่พยายามนำเสนอทางเลือกที่สาม (Third Way) ที่ผสมผสานระหว่างหลักจริยธรรมทางศาสนากับนวัตกรรมการบริหารจัดการสมัยใหม่ เพื่อตอบโจทย์วิกฤตศรัทธาทางการเมืองและกับดักความขัดแย้งที่ฝังรากลึกในสังคมไทย


1. บทนำ: ภูมิทัศน์การเมืองไทยก่อนการเลือกตั้ง 2569

1.1 บริบทความขัดแย้งและการเปลี่ยนผ่าน

เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ของปี พ.ศ. 2569 บรรยากาศทางการเมืองเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความคาดหวัง สังคมไทยได้ผ่านบทเรียนจากวิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง การรัฐประหาร และการบริหารงานภายใต้รัฐบาลผสมที่ไร้เสถียรภาพมาอย่างยาวนาน การเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 1 จึงมิใช่เพียงการเข้าคูหาเพื่อเลือกผู้แทนราษฎรตามวาระ แต่เป็นการกำหนดชะตากรรมของโครงสร้างอำนาจใหม่ ท่ามกลางกระแสการเรียกร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่ยังคงคุกรุ่น

ข้อมูลจากสวนดุสิตโพลและนักวิเคราะห์การเมืองระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งและต้องการเห็น "ทีมงานมืออาชีพ" ที่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องได้จริง มากกว่าการต่อสู้ด้วยวาทกรรมทางการเมืองแบบเดิม 3 กลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่ (Gen Z และ Gen Y) ซึ่งมีสัดส่วนสูงในโครงสร้างประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้ง กำลังมองหาพรรคการเมืองที่มีวิสัยทัศน์ที่จับต้องได้และมีความซื่อสัตย์สุจริต 4 ในบริบทนี้ การเกิดขึ้นของกลุ่มการเมืองใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และหนึ่งในกลุ่มที่น่าจับตามองที่สุดคือ "กลุ่มวิชชั่นใหม่"

1.2 วิกฤตศรัทธาและช่องว่างทางการเมือง

ปัญหาเรื้อรังของการเมืองไทยคือ "การทุจริตเชิงนโยบาย" และ "ความไร้ประสิทธิภาพของระบบราชการ" ซึ่งส่งผลให้การพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างล่าช้า รัฐบาลผสมในอดีตมักประสบปัญหาการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี (Portfolio Allocation) ที่เน้นโควตามากกว่าความสามารถ 5 ส่งผลให้เกิดสภาวะ "รัฐนาวาที่พายคนละทิศทาง" นอกจากนี้ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้นและโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super-Aged Society) ได้สร้างแรงกดดันมหาศาลต่อระบบเศรษฐกิจและสาธารณสุข 7

ช่องว่างเหล่านี้เปิดโอกาสให้ "พรรควิชชั่นใหม่" ภายใต้การนำของ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ประกาศตัวเข้าสู่สนามเลือกตั้งด้วยภาพลักษณ์ของ "นักแก้ปัญหาที่มีประสบการณ์" ผนวกกับ "นวัตกรรมทางนโยบาย" ที่มุ่งเน้นการรื้อโครงสร้างเดิมที่ฟอนเฟะ เพื่อสร้างระบบนิเวศทางการเมืองใหม่ที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ 9


2. กำเนิดพรรควิชชั่นใหม่: จากกลุ่มการเมืองสู่อสุนีบาตแห่งการเปลี่ยนแปลง

2.1 ปฐมบทแห่งการรวมตัว

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ได้เกิดปรากฏการณ์ทางการเมืองที่สำคัญ คือการเปิดตัว "กลุ่มวิชชั่นใหม่" (New Vision Group) ซึ่งเป็นการรวมตัวของอดีตนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง สมาชิกวุฒิสภา และนักวิชาการกว่า 100 ชีวิต 9 การรวมตัวครั้งนี้มีนัยสำคัญที่แตกต่างจากการตั้งพรรคการเมืองทั่วไป เพราะมิได้เกิดจากการแตกตัวของพรรคใหญ่เพื่อหวังผลทางยุทธศาสตร์การเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความตระหนักร่วมกันถึง "ทางตัน" ของประเทศ

นายพิเชษฐ สถิรชวาล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงคมนาคม ประธานกลุ่ม ได้ประกาศเจตนารมณ์ที่ชัดเจนว่า "เราไม่ได้มาเพื่อหาตำแหน่งหรืออำนาจ แต่มาร่วมกันเพราะรักประเทศไทย" 9 คำประกาศนี้สะท้อนถึงความพยายามในการสร้างบรรทัดฐานใหม่ทางการเมือง (New Political Norm) ที่เน้นย้ำเรื่องความเสียสละและผลประโยชน์สาธารณะเหนือประโยชน์ส่วนตน

2.2 โครงสร้างบุคลากรและยุทธศาสตร์องค์กร

จุดแข็งของพรรควิชชั่นใหม่คือการผสมผสานระหว่าง "ประสบการณ์" และ "ความเชี่ยวชาญ" บุคลากรหลักของพรรคประกอบด้วย:

  • นายพิเชษฐ สถิรชวาล: หัวหน้าพรรคและแกนนำหลัก ผู้มีประสบการณ์ยาวนานในกระทรวงเศรษฐกิจและคมนาคม รวมถึงบทบาทสำคัญในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย 12 ซึ่งเป็นทุนทางสังคมที่สำคัญในการดึงดูดฐานเสียงมุสลิมและภาคใต้

  • พล.ต.ต.วิญญู อำนวยสมบัติ: อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บึงกาฬ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งดูแลนโยบายด้านความปลอดภัยและการปราบปรามภัยคุกคามรูปแบบใหม่ 9

  • ดร.ณัฐพล เนื่องชมพู และ ดร.ดวง อันทะไชย: อดีตสมาชิกวุฒิสภาและนักวิชาการ เป็นมันสมองในการกลั่นกรองนโยบายและวางรากฐานทางกฎหมาย 10

ยุทธศาสตร์ของพรรคคือการนำเสนอ "พ.ร.บ.ความโปร่งใส" (Transparency Act) เป็นนโยบายเรือธง โดยเสนอให้ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อขจัดช่องโหว่การทุจริต เช่น กรณีการจัดซื้อวัสดุก่อสร้างในราคาสูงเกินจริง 9 นี่คือนวัตกรรมทางนโยบายที่มุ่งแก้ปัญหาคอร์รัปชันด้วยเทคโนโลยี (GovTech) ซึ่งเป็นจุดขายที่ทันสมัยและตอบโจทย์คนรุ่นใหม่


3. สุนทรพจน์เรื่อง "เศรษฐกิจมนุษย์": การเปลี่ยนผ่านกระบวนทัศน์ทางเศรษฐศาสตร์

ในการเปิดตัวพรรค สาระสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นแกนกลางของอุดมการณ์พรรคคือแนวคิด "เศรษฐกิจมนุษย์" (Human Economy) ซึ่งนายพิเชษฐและคณะทำงานได้นำเสนอผ่านสุนทรพจน์ที่สะท้อนถึงความลึกซึ้งทางปรัชญา มากกว่าเป็นเพียงคำขวัญหาเสียง

3.1 การรื้อถอนมายาคติ "มนุษย์เศรษฐกิจ" (Deconstructing Homo Economicus)

แนวคิดเศรษฐกิจมนุษย์ของพรรควิชชั่นใหม่ ยืนอยู่บนฐานการวิพากษ์เศรษฐศาสตร์กระแสหลักที่มองมนุษย์เป็นเพียง Homo Economicus หรือสัตว์เศรษฐกิจที่ตัดสินใจทุกอย่างเพื่อผลกำไรสูงสุดส่วนตน 14 สุนทรพจน์ของพรรคชี้ให้เห็นว่า การมองโลกเช่นนี้ได้นำไปสู่ความเสื่อมโทรมทางสังคม การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และความเหลื่อมล้ำที่ถ่างกว้างขึ้น

พรรควิชชั่นใหม่เสนอว่า ระบบเศรษฐกิจที่แท้จริงต้องเป็นระบบที่ "มนุษย์เป็นศูนย์กลาง" (Human-Centric) ไม่ใช่ "ทุนเป็นศูนย์กลาง" (Capital-Centric) เศรษฐกิจต้องรับใช้สังคม ไม่ใช่สังคมต้องปรับตัวเพื่อรับใช้กลไกตลาด 16 แนวคิดนี้สอดคล้องกับทฤษฎีของ Keith Hart นักมานุษยวิทยาเศรษฐกิจ ที่เสนอว่าเศรษฐกิจในยุคดิจิทัลและโลกาภิวัตน์ควรหวนกลับมาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางสังคม การแบ่งปัน และความเชื่อใจ (Trust) มากกว่าการทำธุรกรรมที่ไร้หน้าค่าตา

3.2 บูรณาการพุทธปรัชญาและเศรษฐศาสตร์เชิงจริยธรรม

จากการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงลึก แนวคิดเศรษฐกิจมนุษย์ของพรรคยังมีกลิ่นอายของ "พุทธเศรษฐศาสตร์" (Buddhist Economics) ที่เน้นทางสายกลาง (Middle Path) และความยั่งยืน 18 สุนทรพจน์ได้เน้นย้ำถึง:

  1. การลดความโลภ (Minimizing Greed): เศรษฐกิจที่ดีไม่ใช่การบริโภคสูงสุด แต่คือการมีความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) สูงสุดด้วยการใช้ทรัพยากรที่เหมาะสม

  2. ทุนมนุษย์ (Human Capital): การมองว่าการลงทุนในคน การศึกษา และสุขภาพ เป็นการสร้างทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดของชาติ 20 ไม่ใช่ภาระงบประมาณ

  3. ความโปร่งใสในฐานะจริยธรรม: การนำ AI มาใช้ตรวจสอบการทุจริต ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเทคนิค แต่เป็นเรื่องของการสร้าง "ศีลธรรมทางเทคโนโลยี" เพื่อกำกับดูแลความโลภของมนุษย์ 9

นัยสำคัญของสุนทรพจน์นี้คือการประกาศว่า พรรควิชชั่นใหม่จะไม่เล่นเกมประชานิยมแจกเงินระยะสั้น แต่จะมุ่งสร้างระบบเศรษฐกิจที่มีรากฐานทางจริยธรรมที่แข็งแกร่ง เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว


4. การวิเคราะห์นโยบาย: สถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย (Interest-Free Financial Institution)

นโยบายที่ถือเป็น "Disruptive Policy" ที่สุดของพรรควิชชั่นใหม่ คือการเสนอจัดตั้งสถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย ซึ่งมิได้จำกัดอยู่เพียงกรอบของศาสนาอิสลาม แต่เป็นการนำเสนอโมเดลการเงินทางเลือกสำหรับคนไทยทุกศาสนา เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เรื้อรัง

4.1 วิกฤตหนี้ครัวเรือนและกับดักดอกเบี้ย

ประเทศไทยประสบปัญหาหนี้ครัวเรือนในระดับวิกฤต ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest) ที่ทำให้ผู้กู้รายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้า ไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรหนี้ได้ แม้จะชำระหนี้ไปมากเพียงใด แต่เงินต้นกลับลดลงเพียงเล็กน้อย 21 พรรควิชชั่นใหม่มองเห็นว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบันมุ่งเน้นกำไรสูงสุด (Profit Maximization) มากกว่าการช่วยเหลือสังคม จึงจำเป็นต้องมีสถาบันการเงินของรัฐรูปแบบใหม่เข้ามาแทรกแซง

4.2 กลไกการทำงาน: โมเดลผสมผสาน

จากการสังเคราะห์ข้อมูล นโยบายนี้มีแนวโน้มที่จะประยุกต์ใช้โมเดลผสมผสานระหว่างหลักการเงินอิสลาม (Islamic Finance) และระบบธนาคารสมาชิกแบบตะวันตก (Member-Owned Bank):

  1. หลักการแบ่งปันความเสี่ยง (Risk Sharing): แทนที่จะคิดดอกเบี้ยคงที่ สถาบันการเงินจะใช้ระบบแบ่งปันผลกำไรและขาดทุน (Profit and Loss Sharing - PLS) ในกรณีของการกู้เพื่อการลงทุน ซึ่งสร้างความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย 22

  2. โมเดล JAK Members Bank: พรรคอาจนำแนวคิดจากธนาคาร JAK ในสวีเดนมาปรับใช้ โดยใช้ระบบ "แต้มการออม" (Savings Points) สมาชิกต้องออมเงินระยะหนึ่งเพื่อสะสมแต้ม จากนั้นจึงนำแต้มมาแลกสิทธิ์กู้เงินโดยไม่มีดอกเบี้ย (คิดเพียงค่าธรรมเนียมบริหารจัดการ) 24 วิธีนี้ส่งเสริมวินัยการออมและแก้ปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัว

  3. ค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรม (Fair Fees): รายได้ของสถาบันการเงินจะมาจากค่าธรรมเนียมบริการที่ชัดเจนและคงที่ (Flat Fee) แทนอัตราดอกเบี้ยที่ผันผวน ซึ่งสอดคล้องกับหลักความโปร่งใส 26

4.3 นัยทางการเมืองและกลุ่มเป้าหมาย

นโยบายนี้มีความชาญฉลาดในเชิงยุทธศาสตร์การหาเสียง:

  • กลุ่มชาวไทยมุสลิม: นายพิเชษฐมีฐานเสียงเดิมในกลุ่มมุสลิมและจังหวัดชายแดนภาคใต้ การชูนโยบายนี้เป็นการตอบสนองความต้องการทางศาสนาโดยตรง 12

  • กลุ่มเกษตรกรและคนจนเมือง: เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากหนี้นอกระบบและดอกเบี้ยบัตรเครดิตมากที่สุด นโยบายนี้จึงเป็น "แสงสว่าง" สำหรับผู้ที่ต้องการปลดแอกหนี้สิน

  • ภาพลักษณ์สากล: การอ้างอิงโมเดลสวีเดนหรือแนวคิดเศรษฐกิจมนุษย์ ช่วยให้นโยบายนี้ดูทันสมัยและเป็นสากล ไม่ถูกจำกัดว่าเป็นเรื่องทางศาสนาเพียงอย่างเดียว


5. การวิเคราะห์นโยบาย: 1 พรรค 1 กระทรวง (Administrative Integrity)

การเมืองไทยในระบบรัฐสภามักจบลงด้วยรัฐบาลผสม (Coalition Government) ซึ่งนำไปสู่ปัญหาการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีแบบ "เบี้ยหัวแตก" หรือการกระจายโควตา รัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยมาจากต่างพรรคกัน ทำให้เกิดความขัดแย้งในการบริหารงาน พรรควิชชั่นใหม่จึงเสนอนโยบาย "1 พรรค 1 กระทรวง" เพื่อปฏิรูปประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน

5.1 พยาธิสภาพของรัฐบาลผสมไทย

ในอดีต การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีมักใช้สูตรคณิตศาสตร์การเมือง (เช่น ส.ส. 7 คน ต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี) โดยไม่คำนึงถึงความเชี่ยวชาญหรือเอกภาพในการบริหาร 6 ปัญหาที่พบบ่อยคือ:

  • ความขัดแย้งเชิงนโยบาย: รัฐมนตรีช่วยจากพรรคหนึ่งอาจขัดขวางนโยบายของรัฐมนตรีว่าการจากอีกพรรคหนึ่งเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

  • การแบ่งแยกพื้นที่บริหาร: ข้าราชการเกิดความสับสนในสายการบังคับบัญชา และมีการวิ่งเต้นเส้นสายกับนักการเมืองแต่ละขั้ว

  • การทุจริตเชิงประจักษ์: การตรวจสอบภายในกระทรวงทำได้ยากเมื่อมีการแบ่งเค้กผลประโยชน์กันอย่างลงตัว หรือมีการเกรงใจกันระหว่างพรรคร่วม 28

5.2 หลักการ "เอกภาพในการบังคับบัญชา" (Unity of Command)

ข้อเสนอของพรรควิชชั่นใหม่คือ เมื่อพรรคใดได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงใด พรรคนั้นต้องได้รับอำนาจในการบริหารเบ็ดเสร็จทั้งกระทรวง (รัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยต้องมาจากพรรคเดียวกัน หรืออยู่ภายใต้อาณัติที่ตกลงกันได้อย่างชัดเจน) เพื่อให้:

  1. การขับเคลื่อนนโยบายรวดเร็ว: นโยบายพรรคสามารถแปลงเป็นแผนปฏิบัติราชการได้ทันทีโดยไม่มีแรงต้านภายใน

  2. ความรับผิดชอบชัดเจน (Accountability): หากกระทรวงนั้นล้มเหลว หรือมีการทุจริต ประชาชนสามารถชี้โทษไปที่พรรคนั้นได้โดยตรง ไม่สามารถอ้างว่าเป็นความผิดของพรรคร่วมได้

  3. การลดต้นทุนธุรกรรมทางการเมือง: ลดเวลาในการเจรจาต่อรองรายวันในการบริหารราชการ

5.3 ความท้าทายและความเป็นไปได้

นโยบายนี้ท้าทายวัฒนธรรมการเมืองไทยอย่างยิ่ง เพราะพรรคขนาดใหญ่มักต้องการส่งรัฐมนตรีช่วยไป "ประกบ" เพื่อตรวจสอบหรือแบ่งปันงบประมาณในกระทรวงเกรดเอ การที่พรรควิชชั่นใหม่กล้าเสนอนโยบายนี้ แสดงถึงจุดยืนที่ต้องการเป็น "พรรคทางเลือก" ที่เน้นประสิทธิภาพ (Efficiency) เหนือการประนีประนอมทางการเมือง (Political Compromise) อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ การเจรจาเงื่อนไขนี้ในการจัดตั้งรัฐบาลปี 2569 จะเป็นบททดสอบสำคัญถึงอำนาจต่อรองของพรรค


6. การวิเคราะห์นโยบาย: บ้านหลังที่ 2 เพื่อผู้สูงอายุไทย (Second Home for the Elderly)

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับคลื่นสึนามิประชากร (Demographic Tsunami) โดยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอดในปี พ.ศ. 2578 8 ปัญหาการขาดแคลนผู้ดูแลและสถานที่ดูแลผู้สูงอายุที่มีคุณภาพและราคาเข้าถึงได้ เป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลชุดต่อไปต้องเผชิญ พรรควิชชั่นใหม่จึงเสนอนโยบาย "บ้านหลังที่ 2" เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

6.1 จากปัญหาสู่โอกาส: การแปรสภาพ รพ.สต.

นโยบายนี้มุ่งเน้นการยกระดับ "โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล" (รพ.สต.) ทั่วประเทศ ให้กลายเป็นศูนย์กลางการดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร (Elderly Care Hub)

  • สถานการณ์ปัจจุบัน: รพ.สต. กำลังอยู่ในช่วงถ่ายโอนภารกิจไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรและงบประมาณอย่างหนัก 30 ทำให้ศักยภาพในการดูแลสุขภาพปฐมภูมิลดถอยลง

  • ข้อเสนอวิชชั่นใหม่: ปรับปรุง รพ.สต. ให้เป็น Day Care Center หรือ "บ้านหลังที่ 2" ที่ผู้สูงอายุสามารถมาใช้ชีวิตในตอนกลางวัน มีกิจกรรมนันทนาการ การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการดูแลทางโภชนาการ โดยมีมาตรฐานความปลอดภัยแบบ Universal Design

6.2 กลไกการขับเคลื่อน: ชุมชนดูแลชุมชน

นโยบายนี้ไม่ได้พึ่งพางบประมาณรัฐเพียงอย่างเดียว แต่ใช้กลไกทางสังคมตามแนวคิดเศรษฐกิจมนุษย์:

  1. Community-Integrated Intermediary Care (CIIC): การนำรูปแบบการดูแลระยะกลางในชุมชนมาใช้ เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลใหญ่ 33

  2. ธนาคารเวลาและอาสาสมัคร: ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ (Active Aging) หรือคนในชุมชน มาเป็นอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่เปราะบาง โดยสะสมเครดิตเวลาเพื่อแลกสิทธิประโยชน์ในอนาคต 19

  3. การจ้างงานในท้องถิ่น: สร้างอาชีพผู้ดูแล (Caregiver) ให้กับคนในพื้นที่ แก้ปัญหาการว่างงานและสร้างเศรษฐกิจชุมชน (Care Economy) 7

6.3 การตอบโจทย์สังคมสูงวัย

นโยบาย "บ้านหลังที่ 2" ตอบโจทย์ทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคม ในทางเศรษฐกิจ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวและปลดล็อกลูกหลานวัยทำงานให้สามารถกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้เต็มที่ 36 ในทางสังคม ช่วยลดภาวะโดดเดี่ยวและซึมเศร้าในผู้สูงอายุ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองยังมีคุณค่าและเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน


7. บทวิเคราะห์ยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง 2569: โอกาสและความท้าทาย

7.1 การวางตำแหน่งทางการเมือง (Political Positioning)

พรรควิชชั่นใหม่วางตำแหน่งตนเองเป็น "พรรคทางเลือกที่เน้นนโยบายปฏิบัติจริง" (Pragmatic Policy Party) โดยหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในวังวนความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยมและฝ่ายก้าวหน้าแบบสุดโต่ง การชูประเด็น "ความโปร่งใส" และ "เศรษฐกิจมนุษย์" เป็นการดึงดูดฐานเสียงกลุ่มกลาง (Swing Voters) ที่เบื่อหน่ายการเมืองน้ำเน่า และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องธรรมาภิบาลและเทคโนโลยี

7.2 ตารางเปรียบเทียบยุทธศาสตร์พรรคการเมือง 2569

พรรคการเมืองจุดเน้นนโยบายหลักกลุ่มเป้าหมายหลักจุดแข็งจุดอ่อน
พรรควิชชั่นใหม่สถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย, 1 พรรค 1 กระทรวง, บ้านหลังที่ 2, พ.ร.บ.โปร่งใส (AI)กลุ่มคนกลาง, มุสลิม, ผู้สูงอายุ, SMEsนโยบายชัดเจน, ภาพลักษณ์มืออาชีพ, ไม่มีความขัดแย้งเดิมเป็นพรรคใหม่, ฐานเสียงจัดตั้งยังไม่แน่นหนา
พรรคประชาชนปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ, สวัสดิการถ้วนหน้าGen Z, Gen Y, คนเมืองฐานเสียงคนรุ่นใหม่แน่นหนา, กระแสโซเชียลแรงถูกมองว่าเป็นคู่ขัดแย้งกับสถาบันหลัก, นโยบายสุดโต่ง
พรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทำ, แก้ปัญหาปากท้อง, กัญชา/เศรษฐกิจท้องถิ่นฐานเสียงภูธร, บ้านใหญ่ทรัพยากรพรรคมาก, เครือข่ายอุปถัมภ์เข้มแข็งภาพลักษณ์เรื่องกัญชาและคอร์รัปชันในอดีต
พรรคเพื่อไทยดิจิทัลวอลเล็ต, เพิ่มค่าแรง, ประชานิยมฐานเสียงเดิม, รากหญ้าแบรนด์แข็งแกร่ง, ประสบการณ์บริหารวิกฤตศรัทธาจากการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว

7.3 ความท้าทายในการนำนโยบายสู่การปฏิบัติ

ความท้าทายสำคัญของพรรควิชชั่นใหม่คือการทำให้นโยบายเหล่านี้ "จับต้องได้" และ "เชื่อถือได้" ในสายตาประชาชน การจัดตั้งสถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ยต้องอาศัยกฎหมายรองรับและการระดมทุนมหาศาล การปฏิรูปกระทรวงต้องอาศัยอำนาจต่อรองทางการเมืองสูง ดังนั้น ยุทธศาสตร์การสื่อสารในช่วงหาเสียงจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการอธิบาย "วิธีการ" (How-to) ที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่ "เป้าหมาย" (Goal)


8. บทสรุป

พรรควิชชั่นใหม่ ภายใต้การนำของ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ได้นำเสนอชุดนโยบายที่มีความทะเยอทะยานและสร้างสรรค์สำหรับการเลือกตั้งปี 2569 โดยมีแกนกลางอยู่ที่การฟื้นฟู "ความเป็นมนุษย์" ในระบบเศรษฐกิจและการเมือง

  • เศรษฐกิจ: มุ่งสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำผ่านสถาบันการเงินไร้ดอกเบี้ย

  • การเมือง: มุ่งสร้างประสิทธิภาพและความรับผิดชอบผ่านนโยบาย 1 พรรค 1 กระทรวง และ พ.ร.บ.โปร่งใส

  • สังคม: มุ่งสร้างความมั่นคงในชีวิตผ่านนโยบายบ้านหลังที่ 2 เพื่อผู้สูงอายุ

รายงานการวิจัยสรุปได้ว่า พรรควิชชั่นใหม่มิได้เป็นเพียงพรรคไม้ประดับในสนามเลือกตั้ง แต่เป็นตัวแทนของกระแสความคิดใหม่ที่พยายามหาทางออกจากวิกฤตการณ์ของประเทศด้วย "ปัญญา" และ "จริยธรรม" หากพรรคสามารถสื่อสารวิสัยทัศน์เหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ พรรควิชชั่นใหม่อาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญ (Kingmaker) หรือแม้กระทั่งผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาลที่สามารถนำพาประเทศไทยก้าวข้ามกับดักความขัดแย้งไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนและโปร่งใสได้อย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เศรษฐกิจมนุษย์ วิสัยทัศน์ใหม่ พรรควิชชั่นใหม่

รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์: พลวัตทางการเมืองและยุทธศาสตร์ "วิสัยทัศน์ใหม่" ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2569 การวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ต่...