วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ความสัมพันธ์เชิงบูรณาการ ดร.นิยม เวชกามา พระอาจารย์สุธรรมเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด


วิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงบูรณาการระหว่างดร.นิยม เวชกามา กับพระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม: มิติทางการเมือง ศาสนา และการพัฒนาสังคมในลุ่มน้ำโขง


ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันทางการเมืองและสถาบันสงฆ์ในสังคมไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความสลับซับซ้อนและเชื่อมโยงกันผ่านมิติทางวัฒนธรรม ศรัทธา และนโยบายสาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ รายงานฉบับนี้มุ่งวิเคราะห์เชิงลึกถึงความสัมพันธ์และบทบาทที่ทับซ้อนกันระหว่าง ดร.นิยม เวชกามา นักการเมืองผู้มีบทบาทโดดเด่นในฐานะผู้วางรากฐานนโยบายด้านพุทธศาสนาสมัยสังกัดพรรคเพื่อไทย กับพระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานีรูปปัจจุบัน และในฐานะอดีตเจ้าอาวาสผู้สร้างสรรค์วัดป่าบ้านหนองไผ่ จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ การวิเคราะห์นี้จะครอบคลุมถึงพลวัตของการขับเคลื่อนงานพุทธศาสนาผ่านอำนาจนิติบัญญัติ การประยุกต์ใช้พุทธจิตวิทยาในการพัฒนาสังคม และการปกป้องคุ้มครองสถาบันสงฆ์สายวัดป่าท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและสังคมไทย 1

บริบททางชีวประวัติและรากฐานทางอุดมการณ์ของดร.นิยม เวชกามา

ดร.นิยม เวชกามา เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 ณ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ซึ่งถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางจิตวิญญาณของพระสายกรรมฐานในประเทศไทย 1 ภูมิหลังทางการศึกษาและวิชาชีพของ ดร.นิยม สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการเชื่อมโยงโลกแห่งความเป็นจริงเข้ากับหลักธรรมทางศาสนา โดยท่านสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพุทธจิตวิทยา จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ท่านสามารถนำหลักการทางพุทธธรรมมาวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษย์และการมีส่วนร่วมทางการเมืองได้อย่างเป็นระบบ 4

เส้นทางการเมืองของ ดร.นิยม เริ่มต้นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2550 โดยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดสกลนคร ภายใต้สังกัดพรรคพลังประชาชน และต่อเนื่องมายังพรรคเพื่อไทยจนถึงปัจจุบันได้ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐเพื่อส่งสมัครสส.สกลนคร เขต 2 ในการเลือกตั้งปี 25691 บทบาทหน้าที่ของท่านไม่ได้จำกัดเพียงงานในสภาผู้แทนราษฎร แต่ยังรวมถึงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 1 ประสบการณ์ที่ยาวนานในงานนิติบัญญัติควบคู่ไปกับความเชี่ยวชาญด้านพุทธจิตวิทยา ทำให้ ดร.นิยม กลายเป็น "สะพานเชื่อม" สำคัญระหว่างรัฐบาลและคณะสงฆ์ โดยเฉพาะพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตินิกายหรือสายวัดป่าในพื้นที่ภาคอีสาน 5

ตารางที่ 1: สรุปประวัติและการดำรงตำแหน่งสำคัญของ ดร.นิยม เวชกามา

หัวข้อรายละเอียดข้อมูลแหล่งอ้างอิง
ภูมิลำเนาอำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร1
การศึกษาสูงสุดพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พุทธจิตวิทยา) มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย4
สังกัดพรรคการเมืองพรรคพลังประชาชน (2550), พรรคเพื่อไทย (2551 - ปัจจุบัน)1
ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ชูศักดิ์ ศิรินิล)1
ความเชี่ยวชาญพิเศษพุทธจิตวิทยา, กฎหมายสงฆ์, การผลักดันนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ทางศาสนา3

พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม: จากผู้สร้างวัดป่าบ้านหนองไผ่สู่เสาหลักวัดป่าบ้านตาด

พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม หรือ พระราชวชิรราจารย์ เป็นพระเถระผู้มีพรรษาสูง (50 พรรษา ในปี พ.ศ. 2563) และเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างกว้างขวางในฐานะศิษย์ในสายของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต 2 บทบาทที่โดดเด่นที่สุดในช่วงเวลาที่พำนัก ณ จังหวัดสกลนคร คือการเป็น "ผู้สร้างสรรค์" และเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านหนองไผ่ ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ซึ่งท่านได้พัฒนาจากสถานปฏิบัติธรรมขนาดเล็กให้กลายเป็นศูนย์กลางการฝึกจิตวิปัสสนากรรมฐานที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ 2

ปฏิปทาของพระอาจารย์สุธรรมเน้นความเรียบง่ายตามวิถีพระป่ากรรมฐานแท้ๆ โดยท่านมีประวัติการปฏิบัติธรรมที่เข้มข้น เคยอยู่ศึกษากับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ และมีวัตรปฏิบัติในการจาริกธุดงค์ตามป่าเขา 12 ความสามารถในการถ่ายทอดธรรมะด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายแต่ลึกซึ้ง ทำให้วัดป่าบ้านหนองไผ่กลายเป็นแหล่งดึงดูดพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศ รวมถึงเหล่านักการเมืองและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มักจะเดินทางไปร่วมปฏิบัติธรรมและฟังธรรมจากองค์ท่าน 2

ในปี พ.ศ. 2564 ภารกิจทางศาสนาของพระอาจารย์สุธรรมได้ก้าวสู่บทบาทที่สำคัญยิ่งขึ้น เมื่อได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางของพระสายวัดป่าทั่วประเทศและเป็นมรดกทางจิตวิญญาณของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน 2 การย้ายตำแหน่งครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนสถานที่พำนัก แต่เป็นการขยายอิทธิพลทางธรรมจากระดับจังหวัดสู่ระดับชาติ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการกำหนดทิศทางของพระสายปฏิบัติในประเทศไทย 2

ตารางที่ 2: ลำดับเหตุการณ์สำคัญและบทบาททางศาสนาของพระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม

ช่วงเวลาบทบาทสำคัญสถานที่เกี่ยวข้องแหล่งอ้างอิง
เริ่มต้นอุปสมบทฝึกปฏิบัติกรรมฐานกับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ และพระอริยสงฆ์สายวัดป่าเชียงใหม่, ภาคอีสาน15
พ.ศ. 2550 - 2563เจ้าอาวาสและผู้สร้างสรรค์สถานปฏิบัติธรรมวัดป่าบ้านหนองไผ่ จ.สกลนคร2
พ.ศ. 2564 - ปัจจุบันเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด (สืบทอดปฏิปทาหลวงตามหาบัว)วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี2
พ.ศ. 2565ประธานฝ่ายสงฆ์ในงานบุญทอดผ้าป่ากองทุนพระอาพาธวัดป่าวิริยะพล จ.สกลนคร17
ปัจจุบันพระราชวชิรราจารย์ (สมณศักดิ์ปัจจุบัน)ประเทศไทย17

การวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงนโยบายและงานบุญ: จุดบรรจบของรัฐและศาสนา

ความสัมพันธ์ระหว่าง ดร.นิยม เวชกามา และพระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม ไม่ได้เป็นเพียงความสัมพันธ์ส่วนตัวในฐานะโยมอุปัฏฐากและครูบาอาจารย์ แต่เป็นความสัมพันธ์เชิงสถาบันที่สะท้อนผ่านกิจกรรมทางสังคมและนโยบายภาครัฐ ความเชื่อมโยงนี้เห็นได้ชัดเจนที่สุดผ่านงานบุญทอดผ้าป่าสามัคคี เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ณ วัดป่าวิริยะพล จังหวัดสกลนคร ซึ่ง ดร.นิยม รับหน้าที่เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และพระอาจารย์สุธรรม (ในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ 17

งานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนเข้ากองทุนพระภิกษุสามเณรอาพาธในเขตจังหวัดสกลนคร ซึ่งถือเป็นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของสวัสดิการพระสงฆ์ในระดับท้องถิ่น การที่ ดร.นิยม ในฐานะนักการเมืองระดับชาติร่วมงานกับพระอาจารย์สุธรรมซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของสายวัดป่า แสดงให้เห็นถึงการผนึกกำลังกันระหว่างอำนาจทางการเมืองและบารมีทางธรรมเพื่อสร้างคุณประโยชน์แก่สังคม 17 ในเชิงลึก กิจกรรมนี้ยังเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับเครือข่ายพระสงฆ์สายวัดป่า ซึ่งเป็นกลุ่มที่ ดร.นิยม มุ่งเน้นการคุ้มครองผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ในสภาผู้แทนราษฎร 8

พุทธจิตวิทยาและการมีส่วนร่วมทางการเมือง: งานวิจัยของดร.นิยม

จุดเชื่อมโยงทางปัญญาที่สำคัญระหว่าง ดร.นิยม และคณะสงฆ์ในสกลนคร (ซึ่งมีพระอาจารย์สุธรรมเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญ) ปรากฏอยู่ในดุษฎีนิพนธ์เรื่อง "รูปแบบการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนชาวสกลนครตามแนวพุทธจิตวิทยา" 6 งานวิจัยนี้ ดร.นิยมได้ใช้หลัก "สาราณียธรรม 6" มาเป็นกรอบในการสร้างรูปแบบการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่โปร่งใส

หลักการของ ดร.นิยม ได้แก่:

  1. เมตตากายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม: การที่ประชาชนและนักการเมืองแสดงออกต่อกันด้วยความปรารถนาดี ซึ่งสอดคล้องกับปฏิปทาความเมตตาที่พระอาจารย์สุธรรมพร่ำสอนลูกศิษย์ 6

  2. สาธารณโภคี: การกระจายผลประโยชน์อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม สอดคล้องกับกิจกรรมการจัดตั้งกองทุนพระอาพาธที่ ดร.นิยม และพระอาจารย์สุธรรมร่วมกันผลักดัน 6

  3. สีลสามัญญตา และ ทิฏฐิสามัญญตา: การปฏิบัติตามกฎระเบียบและมีความเห็นที่สอดคล้องเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งเป็นการจำลองรูปแบบการปกครองในวัดป่ามาสู่บริบทของประชาธิปไตยทางโลก 6

การที่ ดร.นิยม นำหลักธรรมเหล่านี้มาเป็นวิทยานิพนธ์ สะท้อนให้เห็นว่าท่านมองสถาบันสงฆ์ (โดยเฉพาะพระป่าสายปฏิบัติที่มีระเบียบวินัยเคร่งครัด) เป็น "โมเดล" สำหรับการพัฒนาการเมืองไทยให้มีคุณภาพมากขึ้น 5

การคุ้มครองสิทธิที่ดินวัดป่า: พันธกิจสำคัญของดร.นิยม

ปัญหาที่รุนแรงที่สุดประการหนึ่งที่วัดป่าในประเทศไทยต้องเผชิญ คือปัญหาการทับซ้อนของที่ดินวัดกับพื้นที่ของรัฐ (ป่าไม้ หรือที่ดินสาธารณประโยชน์) ดร.นิยม เวชกามา ได้สวมบทบาทนักกฎหมายและนักนโยบายในการเข้าไปจัดการปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม 19

ตามข้อมูลเชิงประจักษ์ วัดป่าหลายแห่ง รวมถึงวัดที่พระอาจารย์สุธรรมเคยก่อสร้างและพัฒนา มักตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ชัดเจนในแผนที่ทางอากาศยุคเก่า (ภาพถ่ายออร์โธสี 1:4000) เนื่องจากวัตรปฏิบัติของพระสายป่าที่มุ่งเน้นการรักษาต้นไม้และไม่สร้างอาคารขนาดใหญ่ถาวร 19 ดร.นิยมได้ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและ สคทช. ผลักดันมาตรการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินโดยใช้หลักฐานอื่นประกอบ นอกเหนือจากภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อช่วยเหลือนักปฏิบัติธรรมกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศให้ได้รับโฉนดที่ดินเพื่อธรณีสงฆ์อย่างถูกต้อง 19

ความพยายามนี้ถือเป็นการ "ปกป้องอาณาเขตทางศาสนา" ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของ ดร.นิยม ซึ่งส่งผลดีโดยตรงต่อความมั่นคงของสถาบันสงฆ์สายวัดป่าที่พระอาจารย์สุธรรมสังกัดอยู่ การทำงานในลักษณะนี้ช่วยลดความขัดแย้งระหว่างพระสงฆ์กับหน่วยงานรัฐ และทำให้การปฏิบัติธรรมในพื้นที่ป่าเป็นไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย 19

ตารางที่ 3: บทวิเคราะห์เปรียบเทียบปัญหาที่ดินวัดกับการแก้ไขเชิงนโยบายโดย ดร.นิยม

ประเภทปัญหาลักษณะกระทบต่อวัดป่าแนวทางการแก้ไขของ ดร.นิยมแหล่งอ้างอิง
การพิสูจน์สิทธิที่ดินวัดป่าไม่มีสิ่งก่อสร้างใหญ่ ทำให้ไม่เห็นในภาพถ่ายทางอากาศผลักดันมาตรการพิสูจน์สิทธิโดยใช้พยานหลักฐานประวัติศาสตร์และพยานบุคคล19
ที่ดินทับซ้อนพื้นที่รัฐวัดถูกมองว่าเป็นผู้บุกรุกป่าไม้ผลักดันมาตรการออกเอกสารสิทธิ์ในเขตที่ดินรัฐเพื่อธรณีสงฆ์19
ข้อจำกัดด้านการพัฒนาวัดไม่สามารถสร้างระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็นได้จัดทำคู่มือปฏิบัติงานร่วมกับกรมที่ดินและสำนักพุทธฯ19

นโยบายการผลักดันการปฏิบัติธรรมเป็น Soft Power

ดร.นิยม เวชกามา ได้เสนอแนวคิดที่ล้ำสมัยต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันในการนำ "การปฏิบัติธรรม" มาเป็นซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมะ 3 โดยมีจังหวัดสกลนครเป็นพื้นที่ต้นแบบ ในข้อเสนอนี้ ดร.นิยมได้ระบุถึงความสำคัญของพระเกจิอาจารย์และพุทธสถานในพื้นที่ รวมถึงวัดป่าหนองไผ่ (ซึ่งเป็นผลงานการสร้างของพระอาจารย์สุธรรม) ว่าเป็นทรัพยากรทางจิตวิญญาณที่มีมูลค่าสูง 3

นโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อ:

  1. ยกระดับคุณภาพชีวิตจิตใจ: ใช้การปฏิบัติธรรมขัดเกลาจิตใจคนไทยและชาวต่างชาติ 3

  2. ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน: การท่องเที่ยวเชิงธรรมะนำไปสู่การกระจายรายได้ในพื้นที่รอบวัดป่า 3

  3. เผยแผ่พุทธศาสนาเชิงรุก: สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์วิปัสสนากรรมฐานในระดับสากล และส่งพระธรรมทูตที่มีความสามารถไปทั่วโลก 21

การที่พระอาจารย์สุธรรมย้ายไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ยิ่งส่งเสริมให้นโยบาย Soft Power นี้มีความแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากวัดป่าบ้านตาดเป็นหมุดหมายสำคัญของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก การเชื่อมโยงระหว่าง "การบริหารนโยบาย" ของ ดร.นิยม และ "การนำปฏิบัติ" ของพระอาจารย์สุธรรม จึงกลายเป็นกลไกที่ทรงพลังในการขยายอิทธิพลของพุทธศาสนาไทยสู่เวทีโลก 2

การตอบโต้ต่อวิกฤตศรัทธาและคดีเงินทอนวัด

ในช่วงที่คณะสงฆ์ไทยเผชิญกับมรสุม "คดีเงินทอนวัด" ดร.นิยม เวชกามา เป็นนักการเมืองคนสำคัญที่ออกมาคัดค้านกระบวนการยุติธรรมที่ท่านเห็นว่าไม่เป็นธรรมต่อพระสงฆ์ โดยเฉพาะพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 18 ท่านอ้างว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของ "ฆราวาส" บางคนที่เข้ามาแทรกแซงกิจการสงฆ์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน และได้พยายามยื่นถวายฎีกาเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับคณะสงฆ์ 18

บทบาทนี้ของ ดร.นิยม ทำให้ท่านได้รับความไว้วางใจอย่างสูงจากสายวัดป่า ซึ่งมักจะเป็นกลุ่มที่อยู่อย่างสมถะและไม่ค่อยออกมาตอบโต้ทางการเมือง การมีนักการเมืองที่เข้าใจลึกซึ้งถึงวัตรปฏิบัติและระเบียบวินัยสงฆ์อย่าง ดร.นิยม มาเป็นกระบอกเสียงในสภาผู้แทนราษฎร ช่วยสร้างความรู้สึกปลอดภัยและความมั่นคงให้กับพระสายกรรมฐาน เช่น พระอาจารย์สุธรรม ในการปฏิบัติศาสนกิจต่อไปโดยไม่ต้องกังวลกับความผันผวนทางการเมืองที่อาจกระทบต่อสถานภาพของวัด 8

บทสรุป: ความสัมพันธ์ในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เพื่อพุทธศาสนา

จากการวิเคราะห์ทั้งหมด จะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ดร.นิยม เวชกามา และพระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ความเคารพนับถือในเชิงปัจเจกบุคคล แต่เป็นการผสมผสานระหว่าง "อำนาจทางโลก" (The Secular Power) และ "อำนาจทางธรรม" (The Spiritual Power) ที่ทำงานสอดประสานกันเพื่อเป้าหมายร่วมกันคือความยั่งยืนของพุทธศาสนา

ดร.นิยม ในฐานะ "สถาปนิกทางนโยบาย" ได้ใช้พื้นฐานพุทธจิตวิทยาและตำแหน่งทางการเมืองในการสร้างกฎหมายที่เอื้อต่อการรักษาพุทธศาสนา 5 ในขณะที่พระอาจารย์สุธรรม ในฐานะ "ครูบาอาจารย์ผู้สร้างสรรค์" ได้สร้างบรรทัดฐานของการปฏิบัติธรรมที่บริสุทธิ์และทรงพลัง จนกลายเป็นรากฐานที่ทำให้ข้อเสนอนโยบายของ ดร.นิยม (เช่น Soft Power หรือการพัฒนาสกลนครเป็นเมืองธรรมะ) มีความน่าเชื่อถือและมีต้นแบบที่จับต้องได้ 2

ความสัมพันธ์นี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบการพัฒนาสังคมไทยในภูมิภาคอีสาน ที่ศรัทธาในสายวัดป่าไม่ได้ถูกแยกออกจากกระบวนการทางการเมือง แต่ถูกนำมาเป็นแกนกลางในการสร้างสรรค์นโยบายเพื่อประโยชน์สุขของมหาชน การที่ ดร.นิยม และพระอาจารย์สุธรรม ยังคงทำงานร่วมกันผ่านงานบุญและการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของสงฆ์ ย่อมเป็นหลักประกันสำคัญว่าพุทธศาสนาสายกรรมฐานในประเทศไทยจะยังคงได้รับการอุปถัมภ์และคุ้มครองอย่างมั่นคงสืบไป 1


หมายเหตุ: บทความวิชาการฉบับนี้วิเคราะห์โดยอาศัยข้อมูลเชิงประจักษ์จากการปฏิบัติงานจริงของ ดร.นิยม เวชกามา และปฏิปทาของพระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม ผ่านช่องทางสื่อและเอกสารทางราชการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ทำแบบมีสมอง นโยบายพรรคการเมือง สู้ศึกศึกเลือกตั้งปี 2569

พลวัตและยุทธศาสตร์นโยบายการเมืองไทยในการเลือกตั้ง 2569: การสังเคราะห์ "นวัตกรรมเชิงบริหาร" และ "ทุนทางวัฒนธรรม" บทคัดย่...