ภารกิจธรรมทูตครั้งสำคัญของพระภิกษุไทยในแผ่นดินพุทธภูมิ ไม่เพียงเชื่อมศรัทธา แต่ยังเปิดประตูความร่วมมือด้านการศึกษาและวิจัย ระหว่างไทย–อินเดีย เพื่อสร้างคน สร้างอาชีพ และสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 พระ ดร.ณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษากรรมาธิการต่างประเทศ และอดีตอนุกรรมาธิการด้านพุทธศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ได้โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เผยถึงภารกิจด้านพระพุทธศาสนาและการศึกษาระหว่างประเทศ ภายหลังได้เดินทางไปร่วมแสดงธรรมและประกอบพิธีทางศาสนาในฐานะพระภิกษุชาวไทย ให้แก่ชาวพุทธชาวอินเดีย ณ Swami Vivekanand Subharti University กรุงนิวเดลี มหาวิทยาลัยเอกชนขนาดใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญด้านการศึกษาในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจจากคณาจารย์ นักศึกษา และชุมชนชาวพุทธในพื้นที่เป็นอย่างมาก
พระดร.ณพลเดช ระบุว่า การเดินทางครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำคัญในการเชื่อมโยงพุทธศาสนาระหว่างประเทศไทยและอินเดีย ซึ่งเป็นแผ่นดินต้นกำเนิดพระพุทธศาสนา ทั้งนี้ได้ร่วมเทศนา สวดมนต์ และสนทนาธรรมกับพุทธศาสนิกชนชาวอินเดีย สะท้อนให้เห็นถึงพลังศรัทธาที่กำลังฟื้นคืนในสังคมอินเดียยุคใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและนักศึกษา ซึ่งหันมาให้ความสนใจหลักคำสอนทางพุทธศาสนาในฐานะเครื่องมือพัฒนาจิตใจ ควบคู่กับการศึกษาเชิงวิชาการและวิชาชีพ
ในโอกาสนี้ พระดร.ณพลเดช ได้กล่าวชื่นชม Dr. Atul Krishna ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย Swami Vivekanand Subharti University ที่ให้เกียรติเข้าร่วมรับฟังธรรมและร่วมสวดมนต์ตลอดกิจกรรม พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ทางวิชาการให้พระพุทธศาสนาได้มีบทบาทภายในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรม การมีผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาด้วยตนเอง ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการบูรณาการคุณค่าทางจิตวิญญาณเข้ากับระบบการศึกษา ซึ่งเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
Swami Vivekanand Subharti University ก่อตั้งขึ้นภายใต้วิสัยทัศน์ในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เข้าถึงประชาชนในวงกว้าง โดยเน้นการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพในราคาที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ หรือการศึกษา “ราคาเข้าถึงได้” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสทางอาชีพให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป มหาวิทยาลัยมีการจัดการเรียนการสอนในหลากหลายสาขา ทั้งด้านแพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ วิศวกรรมศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ โดยยึดหลักการศึกษาที่เชื่อมโยงความรู้กับการรับใช้สังคมเป็นสำคัญ
หนึ่งในโครงการสำคัญที่สะท้อนบทบาทด้านพุทธศาสนาของมหาวิทยาลัย คือการจัดตั้งสถาบัน Samrat Ashok Subharti School of Buddhist Studies ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อศึกษาวิจัย เผยแผ่ และฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในบริบทสังคมร่วมสมัย สถาบันดังกล่าวอยู่ภายใต้การบริหารของ ดร.ฮิโรฮิโต้ ในตำแหน่งผู้อำนวยการ โดยมุ่งเน้นการศึกษาพระพุทธศาสนาเชิงวิชาการ ควบคู่กับการนำหลักธรรมไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง การพัฒนาสังคม และการสร้างสันติภาพ
พระดร.ณพลเดช ยังได้เสนอแนวคิดความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนการศึกษา ระหว่างประเทศไทยและอินเดีย โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนนักศึกษา คณาจารย์ และงานวิจัย ในสาขาศาสนา ที่ทั้งสองประเทศมีจุดแข็งร่วมกัน แนวคิดดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจข้ามวัฒนธรรม เสริมสร้างทักษะวิชาชีพ และต่อยอดองค์ความรู้สู่การสร้างอาชีพและการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว
การแลกเปลี่ยนทางการศึกษาระหว่างไทยและอินเดีย ไม่เพียงเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงรากฐานทางวัฒนธรรมและศาสนาที่มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน โดยพระพุทธศาสนาเป็นสะพานเชื่อมสำคัญที่ทำให้ทั้งสองประเทศสามารถร่วมมือกันในมิติทางจิตใจ สังคม และเศรษฐกิจ พระดร.ณพลเดช ระบุว่า การศึกษา คือหัวใจของการสร้างคน และเมื่อการศึกษาผสานกับคุณธรรมและจริยธรรม จะนำไปสู่การสร้างสังคมที่มั่นคงและสันติ
ทั้งนี้ การเดินทางและกิจกรรมของ พระดร.ณพลเดช ในครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งของการทูตทางศาสนาและการศึกษา ที่ช่วยยกระดับบทบาทของประเทศไทยในเวทีพุทธศาสนานานาชาติ พร้อมทั้งเปิดประตูสู่ความร่วมมือใหม่ๆ ระหว่างสถาบันการศึกษาของไทยและอินเดีย เพื่อร่วมกัน “สร้างการศึกษา สร้างอาชีพ และสร้างอนาคต” บนพื้นฐานของปัญญาและคุณธรรมร่วมกันในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น