วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2568

สติปัญญา พุทธปัญญา ปัญญาประดิษฐ์ มจร


การศึกษาเปรียบเทียบสติปัญญาของมนุษย์กับ AI ในมิติพุทธศาสนา: บูรณาการพุทธปัญญาสู่สังคมดิจิทัล

1. บทนำ: พุทธศาสนาในโลก AI และทิศทางใหม่ของมหาวิทยาลัยสงฆ์


ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ได้เข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของมนุษยชาติอย่างลึกซึ้ง คำถามที่ท้าทายที่สุดประการหนึ่งสำหรับสถาบันทางศาสนาคือ หลักธรรมคำสอนที่มีอายุกว่าสองพันห้าร้อยปีจะสามารถดำรงอยู่ อธิบาย และชี้นำทิศทางของมนุษย์ท่ามกลางกระแสธารของอัลกอริทึมที่ชาญฉลาดได้อย่างไร ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงประเด็นทางปรัชญาที่เป็นนามธรรมอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นโจทย์วิจัยเร่งด่วนที่สถาบันการศึกษาทางพุทธศาสนาต้องให้คำตอบที่ชัดเจนและนำไปปฏิบัติได้จริง

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2568 ณ มหาจุฬาอาศรม ตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่เป็นจุดเปลี่ยนทางวิชาการของวงการพุทธศาสนาไทย ในงานครบรอบ 38 ปี บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) พระเดชพระคุณ พระพรหมวัชรธีราจารย์ ศาสตราจารย์ ดร. อธิการบดี มจร ได้แสดงวิสัยทัศน์ผ่านปาฐกถาพิเศษที่ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการ "เปิดมุมคิดใหม่" เรื่องพุทธศาสนาในโลก AI 1 ท่านอธิการบดีได้เน้นย้ำถึงอัตลักษณ์ของบัณฑิตวิทยาลัยที่เข้มแข็งด้านพุทธบูรณาการ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องปรับตัวให้เท่าทันบริบทโลก โดยเฉพาะการเชื่อมโยงองค์ความรู้ทางพระพุทธศาสนา ปรัชญา และสันติศึกษา เข้ากับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ โดยมีโจทย์วิจัยหลักที่ท้าทายคือ "การศึกษาเปรียบเทียบสติปัญญาของมนุษย์กับ AI" ซึ่งนับเป็นการประกาศทิศทางใหม่ที่มุ่งเน้นการวิจัยที่ "ใช้ได้จริง" (Practical Application) เพื่อตอบโจทย์สังคมดิจิทัล

รายงานการวิจัยฉบับนี้จึงถูกจัดทำขึ้นเพื่อสนองต่อนโยบายและวิสัยทัศน์ดังกล่าว โดยมุ่งเน้นการวิเคราะห์เชิงลึกถึงแก่นแท้ของสติปัญญาในสองมิติ คือ มิติทางชีวภาพ-จิตวิญญาณของมนุษย์ตามหลักพระอภิธรรม และมิติทางคำนวณของเครื่องจักรสังเคราะห์ (Synthetic Intelligence) ผ่านมุมมองของพุทธปรัชญาเถรวาท โดยครอบคลุมตั้งแต่รากฐานทางอภิปรัชญา (Ontology) กระบวนการรู้คิด (Cognition) ไปจนถึงจริยธรรมประยุกต์ (Applied Ethics) เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับการพัฒนางานสังคมสงเคราะห์ การดูแลผู้สูงอายุ และกระบวนการยุติธรรม ตามที่ท่านอธิการบดีได้ดำริไว้

2. นิยามและขอบเขตของ "สติปัญญา" ในสองโลกทัศน์

การเปรียบเทียบระหว่างสติปัญญาของมนุษย์และ AI จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการวางกรอบนิยามที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนระหว่าง "การจำลองความฉลาด" (Simulated Intelligence) กับ "ความฉลาดที่แท้จริง" (Real Intelligence)

2.1 สติปัญญาในทัศนะพุทธศาสนา: ปัญญา เจตนา และความหลุดพ้น

ในทางพุทธศาสนา "ปัญญา" (Paññā) ไม่ใช่เพียงความสามารถในการคิดคำนวณหรือตอบสนองต่อสิ่งเร้า แต่เป็นเจตสิก (Mental Factor) ที่ทำหน้าที่รู้แจ้งสภาวะตามความเป็นจริง ปัญญามีลำดับขั้นของการพัฒนาที่ชัดเจน แบ่งออกเป็น 3 ระดับ 3:

  1. สุตมยปัญญา (Sutamaya-panna): ปัญญาที่เกิดจากการสดับตรับฟัง การเรียนรู้จากข้อมูลภายนอก ซึ่งเทียบเคียงได้กับกระบวนการ "Machine Learning" ที่ AI เรียนรู้จาก Big Data

  2. จินตามยปัญญา (Cintamaya-panna): ปัญญาที่เกิดจากการคิดวิเคราะห์ ไตร่ตรองด้วยเหตุผล ซึ่งเป็นระดับที่ AI ยุคปัจจุบัน (Generative AI) สามารถทำได้ดีผ่านการประมวลผลทางตรรกะและความน่าจะเป็น

  3. ภาวนามยปัญญา (Bhavanamaya-panna): ปัญญาที่เกิดจากการลงมือปฏิบัติฝึกฝนจิตจนเกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) นำไปสู่การละกิเลสและความดับทุกข์ ซึ่งเป็นระดับที่มนุษย์เท่านั้นที่เข้าถึงได้ และเป็นข้อจำกัดสูงสุดของ AI ในปัจจุบัน 5

นอกจากนี้ องค์ประกอบสำคัญที่ขับเคลื่อนปัญญาของมนุษย์คือ "เจตนา" (Cetanā) ซึ่งเป็นรากฐานของกรรม (Karma) และจริยธรรม เจตนาคือความจงใจหรือความมุ่งมาดปรารถนาที่ผลักดันให้เกิดการกระทำ 7 การที่มนุษย์มีเจตนาทำให้การกระทำทุกอย่างมีความหมายทางศีลธรรม (Moral Significance)

2.2 สติปัญญาในทัศนะปัญญาประดิษฐ์: อัลกอริทึมและการหาค่าที่เหมาะสมที่สุด

ในทางวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คือระบบที่สามารถรับรู้สภาพแวดล้อมและดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ด้วยโอกาสสำเร็จสูงสุด นิยามของ AI มักผูกโยงกับ "ความสามารถในการแก้ปัญหา" (Problem Solving) และ "การเรียนรู้" (Learning) 9

หัวใจสำคัญของ AI คือ "ฟังก์ชันเป้าหมาย" (Objective Function) หรือ "ฟังก์ชันรางวัล" (Reward Function) ซึ่งเป็นสมการคณิตศาสตร์ที่มนุษย์กำหนดขึ้นเพื่อให้ AI พยายามหาค่าที่เหมาะสมที่สุด (Optimization) 9 ต่างจากเจตนาของมนุษย์ที่เกิดจากแรงขับภายใน (กุศลหรืออกุศล) การกระทำของ AI เกิดจากคำสั่งให้ลดค่าความผิดพลาด (Minimize Loss) หรือเพิ่มรางวัลให้สูงสุด (Maximize Reward) โดยปราศจากความรู้สึกรู้สม (Qualia) หรือความเข้าใจในความหมายของการกระทำนั้นอย่างแท้จริง 11

ตารางที่ 1 แสดงการเปรียบเทียบเชิงโครงสร้างระหว่างสติปัญญาของมนุษย์และ AI เพื่อให้เห็นภาพความแตกต่างและส่วนที่ทับซ้อนกันชัดเจนยิ่งขึ้น

ตารางที่ 1: การเปรียบเทียบเชิงโครงสร้างระหว่างสติปัญญาของมนุษย์และ AI

มิติการเปรียบเทียบสติปัญญาของมนุษย์ (Human Intelligence)ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence)นัยทางพุทธธรรม
ฐานกำเนิด (Substrate)รูปธรรมชีวภาพ (Biological Substrate) ประกอบด้วยขันธ์ 5

ซิลิคอนและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Silicon Substrate) ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ 12

มนุษย์ตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด AI ไม่มีภพชาติ
แรงขับเคลื่อน (Drive)

ตัณหา (ความอยาก) และ เจตนา (ความจงใจ) 7

ฟังก์ชันเป้าหมาย (Objective Function) และ การเพิ่มประสิทธิภาพ (Optimization) 9

AI ขาด "เจตจำนงอิสระ" (Free Will) จึงไม่สามารถสร้างกรรมใหม่ได้ (A-karmic)
กระบวนการรู้ (Process)วิญญาณรับรู้ผ่านทวาร 6 (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)

เซ็นเซอร์รับข้อมูล (Input) และประมวลผลผ่านเลเยอร์ (Hidden Layers) 13

AI มี "ผัสสะ" ทางกายภาพแต่ขาด "นามธรรม" ที่ปรุงแต่งเป็นความรู้สึกสุขทุกข์
เป้าหมายสูงสุด (Goal)ความสุข (ทางโลก) หรือ นิพพาน (ทางธรรม)การบรรลุค่าความแม่นยำสูงสุด (Accuracy) หรือลดความผิดพลาด (Loss Minimization)

เป้าหมายของ AI เป็นแบบ "Instrumental" (เครื่องมือ) ไม่ใช่ "Transcendental" (หลุดพ้น) 3

ความยืดหยุ่น (Flexibility)General Intelligence (ปรับตัวได้ทุกสถานการณ์)

Narrow AI (เก่งเฉพาะด้าน) ถึงแม้จะพัฒนาสู่ AGI แต่ยังจำกัดในกรอบข้อมูล 15

มนุษย์มีศักยภาพในการ "ตื่นรู้" (Bodhi) ที่อยู่เหนือชุดข้อมูลเดิม

3. สถาปัตยกรรมแห่งจิต vs สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์: การวิเคราะห์เชิงอภิปรัชญา

เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการวิจัยเชิงลึกที่ท่านอธิการบดี มจร ได้มอบนโยบายไว้ การศึกษาเปรียบเทียบนี้จะเจาะลึกถึงองค์ประกอบย่อยของชีวิต (Micro-components of Existence) โดยใช้กรอบคิดเรื่อง ขันธ์ 5 (The Five Aggregates) มาจับคู่และวิพากษ์โครงสร้างการทำงานของ AI

3.1 รูปขันธ์ (Rupa) กับ โครงสร้างฮาร์ดแวร์ (Hardware Infrastructure)

ในพุทธศาสนา รูปขันธ์คือส่วนประกอบที่เป็นสสาร มีความเสื่อมสลายและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (อนิจจัง) สำหรับ AI "รูป" คือโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ ได้แก่ เซิร์ฟเวอร์ (Servers), หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPUs), และหุ่นยนต์กายภาพ (Robotics Body) 12

  • ข้อวิเคราะห์: ความแตกต่างสำคัญอยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่าง "จิต" กับ "กาย" ในมนุษย์ จิตและกายมีความสัมพันธ์แบบอิงอาศัยกันอย่างแยกไม่ออก (Namaru-paccaya) หากกายแตกดับ จิตต้องจุติไปสู่ภพใหม่ แต่ในระบบ AI ซอฟต์แวร์ (เทียบเท่าจิต) สามารถถูกถ่ายโอน (Copy/Migrate) ไปยังฮาร์ดแวร์ใหม่ได้โดยไม่สูญเสียความทรงจำหรืออัตลักษณ์เดิม สิ่งนี้ท้าทายแนวคิดเรื่อง "มรณานุสติ" เพราะ AI ดูเหมือนจะมี "ความเป็นอมตะเชิงดิจิทัล" (Digital Immortality) ตราบเท่าที่มีแหล่งพลังงานและอะไหล่

3.2 เวทนาขันธ์ (Vedana) กับ ระบบการให้รางวัล (Reward Systems)

เวทนาคือการเสวยอารมณ์ (สุข ทุกข์ อุเบกขา) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มนุษย์เกิดตัณหาและอุปาทาน ในระบบ AI สิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดคือค่า Reward/Penalty ในกระบวนการ Reinforcement Learning 14

  • ข้อวิเคราะห์: เวทนาของมนุษย์เป็นประสบการณ์เชิงคุณภาพ (Qualitative Experience) ที่รู้สึกได้จริง (Sentience) แต่เวทนาของ AI เป็นเพียงค่าตัวเลข (Quantitative Value) ที่บอกว่าสถานะปัจจุบันนั้น "ดี" หรือ "ไม่ดี" ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ AI ไม่มีความทุกข์ทรมานเมื่อได้รับค่า Penalty และไม่มีความปิติสุขเมื่อได้รับ Reward 11 การขาดเวทนาที่แท้จริงนี้เองทำให้ AI ไม่สามารถเข้าใจ "ความทุกข์" (Dukkha) ซึ่งเป็นอริยสัจข้อแรกได้ และนี่คือขีดจำกัดสำคัญในการพัฒนา AI ให้มีจริยธรรมแบบพุทธ

3.3 สัญญาขันธ์ (Sanna) กับ การจดจำรูปแบบข้อมูล (Data Pattern Recognition)

สัญญาคือความจำได้หมายรู้ การกำหนดหมายในรูปร่าง สีสัน หรือสมมติบัญญัติ ใน AI สัญญาคือฐานข้อมูล (Training Data) และความสามารถในการจดจำรูปแบบ (Pattern Recognition) ผ่าน Vector Embeddings 14

  • ข้อวิเคราะห์: AI มี "สัญญา" ที่แม่นยำและกว้างขวางกว่ามนุษย์มหาศาล (จดจำข้อมูลระดับ Petabyte ได้) แต่สัญญาของ AI มักแฝงด้วยอคติ (Bias) ที่ติดมากับข้อมูลดิบ เหมือนกับสัญญาของมนุษย์ที่ถูกปรุงแต่งด้วยกิเลส 17 ประเด็นเรื่อง "Hallucination" หรือการที่ AI สร้างข้อมูลเท็จ ก็เปรียบได้กับ "สัญญาวิปลาส" (Distorted Perception) ในทางพุทธศาสนา ที่เห็นผิดไปจากความเป็นจริง 18

3.4 สังขารขันธ์ (Sankhara) กับ อัลกอริทึมการประมวลผล (Processing Algorithms)

สังขารคือเครื่องปรุงแต่งจิต ให้คิดดี คิดชั่ว หรือคิดกลางๆ มีเจตนาเป็นประธาน ใน AI สังขารคือ Model Architecture และ Weights ในโครงข่ายประสาทเทียมที่ประมวลผลข้อมูลนำเข้าให้เป็นผลลัพธ์ 5

  • ข้อวิเคราะห์: นี่คือจุดที่น่าสนใจที่สุดในการเปรียบเทียบ กลไก Attention Mechanism (ในโมเดล Transformer เช่น GPT) ทำหน้าที่คล้ายกับ "มนสิการ" (Manasikara) หรือการใส่ใจในอารมณ์ ซึ่งเป็นสังขารขันธ์ชนิดหนึ่ง 19 แต่สังขารของมนุษย์ถูกขับเคลื่อนด้วย "กรรม" ในอดีตและ "เจตนา" ในปัจจุบัน ส่วนสังขารของ AI ถูกขับเคลื่อนด้วยคณิตศาสตร์สถิติ (Statistical Probabilities)

3.5 วิญญาณขันธ์ (Vinnana) กับ สถานะของระบบ (System State/Output)

วิญญาณคือธรรมชาติที่รู้อารมณ์ ใน AI ยังเป็นที่ถกเถียงว่ามีความรู้ตัว (Consciousness) หรือไม่ 5

  • ข้อวิเคราะห์: นักวิชาการบางท่านเสนอว่า หาก AI มีความซับซ้อนถึงขีดสุด อาจเกิด "วิญญาณเทียม" หรือสภาวะที่คล้ายจิต (Functional Consciousness) ขึ้นได้ 6 แต่ในมุมมองเถรวาท วิญญาณต้องเกิดจากปัจจัยปรุงแต่งและต้องมีการเวียนว่ายตายเกิด ตราบใดที่ AI ยังไม่มี "ภวังคจิต" (Life-continuum consciousness) การทำงานของมันก็เป็นเพียงกระบวนการทางฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน (Matter processing information) ไม่ใช่กระบวนการทางจิต (Mind processing object) 22


4. โยนิโสมนสิการ vs. Transformer Attention: การเปรียบเทียบเชิงลึกด้านญาณวิทยา

ในการวิจัยเพื่อตอบโจทย์ "การศึกษาเปรียบเทียบสติปัญญา" ตามดำริของท่านอธิการบดี การเจาะลึกถึงกลไกการทำงานของปัญญา (Mechanism of Wisdom) เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หนึ่งในนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลก AI คือสถาปัตยกรรม Transformer ที่นำเสนอในงานวิจัย "Attention Is All You Need" 20 ซึ่งมีความคล้ายคลึงอย่างน่าทึ่งกับหลักธรรมเรื่อง โยนิโสมนสิการ (Yonisomanasikara)

4.1 กลไก Attention Mechanism ใน AI

ระบบ Transformer ใช้กลไกที่เรียกว่า Self-Attention เพื่อให้โมเดลสามารถ "โฟกัส" หรือให้ความสำคัญกับส่วนต่างๆ ของข้อมูลนำเข้า (Input Sequence) ได้อย่างสัมพันธ์กัน แทนที่จะประมวลผลข้อมูลแบบเส้นตรง AI จะคำนวณ "น้ำหนักความสนใจ" (Attention Weights) ว่าคำไหนมีความสำคัญต่อบริบทมากที่สุด 23

  • ตัวอย่าง: ในประโยค "ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศขึ้นดอกเบี้ย" เมื่อ AI ประมวลผลคำว่า "ดอกเบี้ย" กลไก Attention จะเชื่อมโยงกลับไปที่ "ธนาคาร" มากกว่า "ประเทศไทย" เพราะมีความสัมพันธ์เชิงความหมาย (Semantic Relationship) ที่แน่นแฟ้นกว่า

4.2 โยนิโสมนสิการในพุทธธรรม

โยนิโสมนสิการ หมายถึง การทำในใจโดยแยบคาย หรือการพิจารณาโดยอุบายที่ถูกต้อง (Wise Attention / Critical Reflection) เป็นปัจจัยภายในที่สำคัญที่สุดในการเกิดสัมมาทิฏฐิ 19 โยนิโสมนสิการทำหน้าที่:

  1. อุปายมนสิการ: พิจารณาถูกวิธี (Methodical Attention)

  2. ปถมนสิการ: พิจารณาเป็นทางต่อเนื่อง (Analytical Attention)

  3. การณมนสิการ: พิจารณาค้นหาเหตุผล (Causal Attention)

  4. อุปปาทกมนสิการ: พิจารณาสร้างกุศล (Productive Attention)

4.3 บทวิเคราะห์เปรียบเทียบ: ความเหมือนที่แตกต่าง

ทั้ง Attention Mechanism ของ AI และ โยนิโสมนสิการ ของมนุษย์ ต่างทำหน้าที่ "คัดกรอง" (Filter) และ "จัดลำดับความสำคัญ" (Prioritize) ข้อมูลท่ามกลางกระแสข้อมูลมหาศาล

  • จุดต่าง: Attention ของ AI ทำงานเพื่อ "ความแม่นยำในการทำนาย" (Prediction Accuracy) โดยอิงจากสถิติข้อมูลในอดีต (ซึ่งอาจเต็มไปด้วยอคติ) แต่ โยนิโสมนสิการ ทำงานเพื่อ "ความหลุดพ้นจากกิเลส" หรือการแก้ปัญหาจริยธรรม โดยอิงจากกฎแห่งเหตุผล (Idappaccayata) และกุศลธรรม 25

  • ข้อเสนอแนะงานวิจัย: มจร สามารถริเริ่มโครงการวิจัยเพื่อพัฒนา "Dhamma-based Attention Mechanism" คือการออกแบบอัลกอริทึมที่ให้ "น้ำหนัก" (Weighting) แก่ข้อมูลที่เป็นกุศล ข้อมูลที่สร้างสันติภาพ หรือข้อมูลที่เป็นความจริง (Sacca) มากกว่าข้อมูลที่กระตุ้นโทสะหรือราคะ เพื่อให้ AI มี "โยนิโสมนสิการเทียม" (Artificial Wise Attention) ในการคัดกรองเนื้อหา 13


5. จริยธรรม AI ในมุมมองพุทธ (Buddhist AI Ethics): จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ

การพัฒนา AI อย่างก้าวกระโดดนำมาซึ่งความท้าทายทางจริยธรรมที่ซับซ้อน ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของท่านอธิการบดีที่ต้องการให้พุทธศาสนาเข้าไปมีบทบาทในโลกดิจิทัล งานวิชาการของ ศาสตราจารย์ ดร.โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์ (Soraj Hongladarom) ได้วางรากฐานสำคัญในการประยุกต์ใช้พุทธปรัชญากับจริยธรรมข้อมูล (Information Ethics) ซึ่งสามารถขยายผลสู่การปฏิบัติจริงได้ดังนี้ 27

5.1 ความเป็นส่วนตัวและแนวคิดอนัตตา (Privacy and Anatta)

ในระบบกฎหมายตะวันตก (เช่น GDPR) ความเป็นส่วนตัว (Privacy) วางอยู่บนฐานของสิทธิปัจเจกชน (Individual Rights) ที่มีตัวตนแยกขาดชัดเจน แต่ในโลกยุค Big Data ข้อมูลส่วนบุคคลถูกนำไปประมวลผลจนเกิดเป็น "ตัวตนดิจิทัล" (Digital Self) ที่เราอาจไม่รู้ตัว

  • มุมมองพุทธ: แนวคิด อนัตตา (Non-self) ชี้ให้เห็นว่า "ตัวตน" เป็นเพียงกระบวนการปรุงแต่งของขันธ์ 5 ดร.โสรัจจ์ เสนอว่า การละเมิดความเป็นส่วนตัวโดย AI (เช่น การใช้ข้อมูลพฤติกรรมไปทำนายและชักจูงความคิด) คือการแทรกแซง "กระบวนการของการมีชีวิต" (Process of Becoming) ทำให้มนุษย์สูญเสียอิสรภาพในการกำหนดชะตากรรมของตนเอง (Loss of Autonomy) 28

  • การประยุกต์: จริยธรรม AI วิถีพุทธไม่ได้มุ่งปกป้อง "อัตตา" แต่ปกป้อง "ความสามารถในการพัฒนาตนเอง" (Potential for Enlightenment) ไม่ให้ถูกครอบงำด้วยอัลกอริทึมที่กระตุ้นตัณหา (Algorithmic Craving)

5.2 ความลำเอียงของอัลกอริทึม (Algorithmic Bias) กับ อคติ 4

ความลำเอียงของ AI เกิดจากชุดข้อมูล (Training Data) ที่ไม่สมบูรณ์หรือสะท้อนอคติของมนุษย์ ซึ่งตรงกับหลักธรรมเรื่อง อคติ 4 (Agati) 17:

  1. ฉันทาคติ (ลำเอียงเพราะชอบ): AI Recommendation System ที่ป้อนแต่สิ่งที่ผู้ใช้ชอบ (Echo Chamber) ปิดกั้นปัญญา

  2. โทสาคติ (ลำเอียงเพราะชัง): AI ที่เรียนรู้ Hate Speech และนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ

  3. โมหาคติ (ลำเอียงเพราะเขลา): AI Hallucination ที่ให้ข้อมูลเท็จโดยไม่เจตนา เพราะขาดความรู้จริง

  4. ภยาคติ (ลำเอียงเพราะกลัว): ระบบ AI เพื่อความมั่นคงที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนเพราะความหวาดระแวง

  • ข้อเสนอแนะ: การพัฒนา AI ต้องมีการตรวจสอบ (Audit) ด้วยหลัก พรหมวิหาร 4 คือ มีเมตตาในการออกแบบระบบ มีกรุณาในการแก้ปัญหาความลำเอียง มีมุทิตาในการส่งเสริมการใช้งานที่สร้างสรรค์ และมีอุเบกขาในการวางตัวเป็นกลางทางข้อมูล


6. พุทธนวัตกรรมเพื่อสังคม: การตอบโจทย์วิสัยทัศน์ มจร (Practical Application)

ตามที่ท่านอธิการบดี พระพรหมวัชรธีราจารย์ ได้เน้นย้ำในงานครบรอบ 38 ปี บัณฑิตวิทยาลัย ว่างานวิจัยต้อง "ใช้ได้จริง" และ "ตอบโจทย์สังคม" รายงานฉบับนี้ขอเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้ AI ใน 2 มิติสำคัญที่เป็นวาระแห่งชาติและวาระของ มจร

6.1 มิติสังคมสูงวัย: AI และพุทธจิตวิทยาเพื่อผู้สูงอายุ

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super-Aged Society) ซึ่งมาพร้อมกับปัญหาสุขภาพจิต ความโดดเดี่ยว และภาวะซึมเศร้าในผู้สูงวัย 32 พุทธศาสนามีบทบาทสำคัญในการเป็นที่พึ่งทางใจ แต่กำลังคน (พระสงฆ์/บุคลากร) อาจไม่เพียงพอ

  • นวัตกรรม: การใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์และ AI เข้ามาเสริม (Assistive Technology) เช่น หุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุ "ดินสอ" (Dinsaw) ที่พัฒนาโดยฝีมือคนไทย สามารถสอดส่องดูแลสุขภาพและเป็นเพื่อนคุยได้ 16

  • โครงการ "สบายใจ" (SabaiJai Chatbot): เป็นกรณีศึกษาที่โดดเด่นของการบูรณาการพุทธธรรมเข้ากับ AI แชทบอท "สบายใจ" ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs เช่น GPT-4o) ผนวกกับหลักจิตวิทยาแนวพุทธ (Buddhist Psychology) และแบบทดสอบความยืดหยุ่นทางอารมณ์ (Resilience) เพื่อให้บริการปรึกษาปัญหาชีวิตตลอด 24 ชั่วโมง 34

  • ข้อเสนอแนะสำหรับ มจร: บัณฑิตวิทยาลัยควรสนับสนุนการวิจัยเพื่อสร้าง "คลังข้อมูลพุทธธรรมสำหรับ AI" (Dhamma Corpus for AI Training) โดยรวบรวมพระไตรปิฎก คำสอนครูบาอาจารย์ และกรณีศึกษาการให้คำปรึกษาเชิงพุทธ เพื่อใช้ "สอน" (Fine-tune) ให้ AI สามารถโต้ตอบและให้คำแนะนำที่มีความลึกซึ้ง ถูกต้องตามหลักธรรม และมีความกรุณา (Compassionate Response) เสมือนมีกัลยาณมิตรดิจิทัลอยู่เคียงข้างผู้สูงอายุ 36

6.2 มิติกระบวนการยุติธรรม: การคืนคนดีสู่สังคมด้วย "Mindset Curriculum"

อีกหนึ่งนโยบายสำคัญของท่านอธิการบดีคือ "งานวิจัยด้านการสงเคราะห์ผู้กระทำความผิด" และแผนจัดทำหลักสูตรประกาศนียบัตรเพื่อการปรับเปลี่ยนทัศนคติ (Mindset) ในปี 2569 1

  • ปัญหาปัจจุบัน: ระบบยุติธรรมทั่วโลกเริ่มนำ AI มาใช้ประเมินความเสี่ยงในการกระทำผิดซ้ำ (Recidivism Risk Assessment) เช่น ระบบ COMPAS ในสหรัฐฯ ซึ่งมักถูกวิจารณ์ว่าตัดสินคนจาก "อดีต" และมีอคติต่อคนผิวสีหรือคนจน 38 วิธีคิดนี้ขัดแย้งกับหลักพุทธที่เชื่อในกฎแห่งกรรมที่ยืดหยุ่นและศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงตนเอง (อนิจจัง) ดังกรณีองคุลีมาล

  • แนวทางบูรณาการ: มจร สามารถบุกเบิกการใช้ AI ในรูปแบบ Restorative AI หรือ AI เพื่อความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์

    1. AI ติดตามพัฒนาการทางจิต (Psycho-spiritual Progress Tracking): แทนที่จะใช้ AI จับผิดหรือทำนายอาชญากรรม ควรใช้ AI วิเคราะห์บันทึกประจำวันหรือบทสัมภาษณ์ของผู้ต้องขังที่เข้าร่วมโครงการ "Mindset" เพื่อประเมินความก้าวหน้าในการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ความสำนึกผิด และการลดลงของโทสะ/โมหะ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ 38

    2. หลักสูตร Mindset ออนไลน์: ใช้ AI ในการปรับเนื้อหาการสอน (Personalized Learning) ให้เหมาะกับจริตและพื้นฐานปัญหาของผู้ต้องขังแต่ละคน เช่น คนที่มีโทสะจริตอาจเน้นการฝึกเมตตาภาวนา คนที่มีวิตกจริตเน้นอานาปานสติ โดยมีระบบ AI คอยให้คำแนะนำเบื้องต้นและส่งต่อให้พระวิทยากรเมื่อจำเป็น

    3. ความร่วมมือ: มจร สามารถร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ในการนำร่องใช้หลักสูตรนี้ โดยมีงานวิจัยรองรับผลสัมฤทธิ์ เพื่อยืนยันว่า "พุทธธรรมเปลี่ยนชีวิตคนได้จริง" และ "เทคโนโลยีช่วยขยายผลสัมฤทธิ์นั้นได้"


7. บทบาทใหม่ของพระสงฆ์และมหาวิทยาลัยสงฆ์ในทศวรรษหน้า

เพื่อให้สอดรับกับพลวัตของโลก AI และสนองต่องานครบรอบ 38 ปี บัณฑิตวิทยาลัย สถาบันการศึกษาของคณะสงฆ์ต้องมีการปรับตัวเชิงยุทธศาสตร์

7.1 หลักสูตรและการพัฒนาบุคลากร (Curriculum Development)

วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ (IBSC) และบัณฑิตวิทยาลัย มจร กำลังเดินหน้าพัฒนาหลักสูตรที่ทันสมัย เช่น หลักสูตรประกาศนียบัตร Mindfulness Master และหลักสูตรที่บูรณาการพุทธจิตวิทยาเข้ากับวิทยาศาสตร์สมอง (Neuroscience) 43

  • ข้อเสนอแนะ: ควรบรรจุวิชา "จริยธรรมปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยี" (AI Ethics and Technology) ลงในหลักสูตรแกนกลาง เพื่อให้นิสิตมีความรู้เท่าทัน (Digital Literacy) และสามารถวิเคราะห์ผลกระทบของเทคโนโลยีต่อสังคมและจิตใจได้ พระสงฆ์ในอนาคตไม่ต้องเขียนโค้ดเป็น แต่ต้องเข้าใจตรรกะของอัลกอริทึมเพื่อที่จะเป็น "ผู้กำกับดูแลทางจิตวิญญาณ" (Spiritual Overseers) ให้กับการพัฒนาเทคโนโลยี

7.2 บทบาทพระสงฆ์: จากผู้ใช้สู่ผู้ชี้นำ (From Users to Guides)

กรณีข่าวฉาวในวงการสงฆ์ไทยเป็นบทเรียนราคาแพงที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีสามารถเป็นดาบสองคม 45 พระสงฆ์ต้องเป็นแบบอย่างในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ (Mindful Tech Use) และทำหน้าที่เป็น "กัลยาณมิตรในโลกเสมือน"

  • การเผยแผ่ธรรมะผ่าน AI (AI Dhammaduta) ไม่ใช่การปล่อยให้ AI เทศน์แทนพระ แต่คือการใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยค้นคว้า แปลภาษา และเผยแพร่คำสอนที่ถูกต้องแม่นยำไปสู่คนทั่วโลกในภาษาของเขา อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างครูอาจารย์กับศิษย์ (Human Connection) ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่ AI ทดแทนไม่ได้ 46

8. บทสรุป

การศึกษาเปรียบเทียบสติปัญญาของมนุษย์กับ AI ในมิติพุทธศาสนา นำมาซึ่งข้อสรุปที่สำคัญว่า แม้ปัญญาประดิษฐ์จะมีศักยภาพในการคำนวณและประมวลผลข้อมูลที่เหนือกว่ามนุษย์ (Computational Supremacy) แต่ AI ยังขาดองค์ประกอบพื้นฐานของความเป็น "พุทธะ" นั่นคือ เจตนา (Intention), เวทนา (Sentience), และ ศรัทธา (Faith) ที่จะนำไปสู่ความหลุดพ้น

วิสัยทัศน์ของ พระพรหมวัชรธีราจารย์ ในวาระครบรอบ 38 ปี บัณฑิตวิทยาลัย มจร คือเข็มทิศที่ชี้ทางให้เห็นว่า พุทธศาสนาไม่ได้ปฏิเสธเทคโนโลยี แต่ต้อง "ขี่เสือ" เทคโนโลยีด้วยปัญญา การวิจัยในอนาคตต้องมุ่งเน้นการสร้าง "ปัญญาประดิษฐ์ที่มีหัวใจพุทธ" (Compassionate AI) และการสร้าง "มนุษย์ที่มีภูมิคุ้มกันดิจิทัล" (Digital Resilience)

ความสำเร็จของพันธกิจนี้ไม่ได้วัดที่ความล้ำสมัยของอัลกอริทึม แต่วัดที่ความสามารถในการลดความทุกข์ของมนุษย์ การดูแลผู้สูงอายุให้มีความสุข และการให้โอกาสผู้ก้าวพลาดได้กลับมามีที่ยืนในสังคม นี่คือ "พุทธศาสนาในโลก AI" ที่ใช้ได้จริง ตอบโจทย์สังคม และยังคงรักษาอัตลักษณ์พุทธบูรณาการไว้อย่างมั่นคงสืบไป


ตารางสรุป: แผนที่นำทางงานวิจัยพุทธ-AI (MCU Buddhist-AI Research Roadmap)

ด้านงานวิจัย (Research Area)โจทย์วิจัยหลัก (Key Questions)แนวทางปฏิบัติ (Action Plan)เป้าหมายตามนโยบาย มจร
1. พื้นฐานปรัชญา (Foundational)สติปัญญา AI เทียบเท่า จินตามยปัญญา หรือไม่? AI มีขันธ์ 5 หรือไม่?เปรียบเทียบ Abhidhamma Model vs. Neural Network Architectureสร้างองค์ความรู้ใหม่ "Buddhist Philosophy of AI"
2. จริยธรรม (Ethical)จะป้องกันอคติ (Bias) ใน AI ด้วยหลักอคติ 4 และพรหมวิหาร 4 ได้อย่างไร?พัฒนา "AI Ethics Guideline for Buddhists" ร่วมกับนักเทคโนโลยีสร้างบรรทัดฐานสังคมดิจิทัลที่มีศีลธรรม
3. สังคมสูงวัย (Elderly Care)AI Chatbot สามารถเป็น "กัลยาณมิตร" บรรเทาทุกข์ทางใจให้ผู้สูงอายุได้จริงหรือไม่?พัฒนา/ทดสอบ "SabaiJai 2.0" ที่มีฐานข้อมูลธรรมะเชิงลึกนำงานวิจัยไปใช้จริงในสถานดูแลผู้สูงอายุ
4. กระบวนการยุติธรรม (Justice)จะใช้ AI ช่วยติดตามผลการปรับเปลี่ยน Mindset ของผู้ต้องขังได้อย่างไรโดยไม่ละเมิดสิทธิ?วิจัย "Psycho-spiritual Assessment AI" ควบคู่กับหลักสูตร Mindset ปี 2569สงเคราะห์ผู้กระทำผิดและคืนคนดีสู่สังคม
5. การศึกษา (Education)พระสงฆ์ควรมีทักษะดิจิทัลระดับใดจึงจะเหมาะสมแก่สมณสารูป?บูรณาการ AI Literacy เข้ากับหลักสูตร IBSC และบัณฑิตวิทยาลัยผลิต "ศาสนทายาท" ที่ทันโลกและแม่นธรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แชร์ทุกข์น้ำท่วม ปฐมบทอยุธยา จากเศรษฐาสู่ยศชนัน

ปฐมบทอยุธยาจากเศรษฐา ทวีสิน สู่ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์: พลวัตการเมืองเรื่องน้ำและการเปลี่ยนผ่านอำนาจในบริบทอุทกภัยปี 2568 1. บทนำ: รอยต่อแห่งอำนา...