วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ทุนสันติภาพและเมตตาเชิงพุทธ: บริการเพื่อสังคมโลกของมหาจุฬาฯ (มจร)

   


วิเคราะห์มหาวิทยาลัยสงฆ์ มจร กับการอนุเคราะห์สังคมโลก


บทคัดย่อ

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ในฐานะมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของคณะสงฆ์ไทย มีบทบาทสำคัญทั้งด้านการศึกษา เผยแผ่พระพุทธศาสนา และการสร้างทุนมนุษย์ทางจิตวิญญาณระดับโลก บทความนี้มุ่งวิเคราะห์พัฒนาการของ มจร ในบริบทประวัติศาสตร์ บทบาททางวิชาการ เครือข่ายนานาชาติ และศักยภาพในการเป็นสถาบันอนุเคราะห์สังคมโลก (Global Social Compassion Institute) ผ่านกรณีงานประสาทปริญญาประจำปี 2568 ซึ่งสะท้อนทั้งความเข้มแข็งด้านทรัพยากรมนุษย์ ความไว้วางพระราชหฤทัยจากสมเด็จพระสังฆราช และความเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาระดับนานาชาติ

บทความชี้ให้เห็นว่า มจร มีบทบาทเชิงสังคมโลก 4 มิติ ได้แก่ (1) การผลิตผู้นำศาสนาและนักวิชาการเพื่อสันติภาพ (2) การสร้างพื้นที่การศึกษาข้ามพรมแดน (3) การสนับสนุนพลังศีลธรรมต่อสาธารณะ และ (4) การเผยแผ่พุทธสันติวิธีสู่เวทีนานาชาติ พร้อมเสนอทิศทางการพัฒนา มจร ในฐานะสถาบันสร้าง “ทุนเมตตา” เพื่อรับมือวิกฤตโลกสมัยใหม่


บทนำ

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2430 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระไตรปิฎก วิชาชั้นสูง และเป็นสถาบันสร้างพระสงฆ์ผู้มีความรู้คู่ธรรมวินัย นับแต่นั้น มจร พัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ชั้นนำของไทยและเอเชีย มีวิทยาเขต วิทยาลัยสงฆ์ และเครือข่ายนานาชาติครอบคลุมหลายทวีป

ในปี 2568 งานประสาทปริญญาของ มจร ได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระสังฆราช โปรดให้สมเด็จพระมหาธีราจารย์และสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นผู้แทนพระองค์ในการมอบปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา รวม 4,909 รูป/คน พร้อมผู้รับปริญญากิตติมศักดิ์ 120 รูป/คน เหตุการณ์นี้ไม่เพียงเป็นพิธีทางวิชาการ แต่สะท้อนความสำคัญของ มจร ในฐานะ “เสาหลักอุดมศึกษาเชิงพุทธ” ที่ส่งเสริมการพัฒนามนุษย์ทั้งในไทยและทั่วโลก


เนื้อหา

1. พัฒนาการของ มจร ในฐานะมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของไทย

มจร ก่อตั้งขึ้นเพื่อศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฎกและวิชาชั้นสูงแก่พระภิกษุ–สามเณรและคฤหัสถ์ ปัจจุบันมีการขยายตัวทางภูมิศาสตร์และวิชาการดังนี้

  • ส่วนกลาง 1 แห่ง

  • 12 วิทยาเขต

  • 27 วิทยาลัยสงฆ์

  • 4 หน่วยวิทยบริการ

  • 5 สถาบันสมทบต่างประเทศ

  • นิสิตทั้งหมด 25,774 รูป/คน โดยมีทั้งพระสงฆ์ ภิกษุณี และคฤหัสถ์จากกว่า 27 ประเทศ

การเปิดโอกาสทางการศึกษาแบบไร้ความแตกต่างระหว่างบรรพชิตและคฤหัสถ์ ทำให้ มจร เป็นต้นแบบของ “การศึกษาความเป็นมนุษย์เชิงพุทธเพื่อสันติภาพ” (Buddhist Humanistic Education for Peace)


2. มจร กับบทบาทอนุเคราะห์สังคมไทย

2.1 การผลิตผู้นำศีลธรรมของประเทศ

ผู้สำเร็จการศึกษาจาก มจร ทำงานในหลายภาคส่วน เช่น

  • คณะสงฆ์ไทย

  • การศึกษา

  • การสังคมสงเคราะห์

  • ภาครัฐและท้องถิ่น

  • งานด้านสันติภาพและชุมชน

ผู้สำเร็จปี 2568 จำนวน 4,909 รูป/คน เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนบทบาทเชิงศีลธรรมของสังคมไทย

2.2 การอนุเคราะห์ทางสังคมและงานชุมชน

มจร เป็นศูนย์กลาง “พุทธบำเพ็ญประโยชน์” เช่น

  • ช่วยเหลือผู้ประสบภัย

  • สงเคราะห์ผู้ยากไร้

  • บริการวิชาการแก่ชุมชน

  • อบรมจิตใจพระ–เณร–คฤหัสถ์

  • ศูนย์กลางจิตอาสา

มิติทางศีลธรรมนี้ทำให้ มจร เป็น “องค์กรสาธารณประโยชน์ทางจิตวิญญาณ” (Spiritual Public Service Organization)


3. มจร กับการอนุเคราะห์สังคมโลก

3.1 ศูนย์กลางการศึกษาพุทธศาสนานานาชาติ

มจร มีนิสิตต่างประเทศมากกว่า 2,000 รูป/คน จาก 27 ประเทศ ทั้งจากเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ทำให้มหาวิทยาลัยเป็น

  • พื้นที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

  • แหล่งผลิตบุคลากรพระพุทธศาสนาสากล

  • เครือข่ายสร้างสันติภาพข้ามพรมแดน

3.2 การเผยแผ่พุทธสันติวิธี

มจร พัฒนาองค์ความรู้ด้าน Buddhist Peace Studies, Engaged Buddhism, Mindfulness in Education ซึ่งสอดคล้องกับ

  • UN Sustainable Development Goals (SDGs)

  • แนวคิดสันติวัฒนธรรมโลก (Global Culture of Peace)

บทบาทนี้ทำให้ มจร เป็นสถาบันผลิตองค์ความรู้ทางสันติภาพระดับนานาชาติ

3.3 การสร้างทุนทางเมตตา (Compassion Capital)

ในโลกที่เผชิญความรุนแรง สงคราม วิกฤตเศรษฐกิจ และความแตกแยก มจร เสนอ “ทุนทางเมตตา” ผ่านการศึกษาและสมาธิภาวนา เป็นทรัพยากรที่โลกให้ความสนใจอย่างมาก เช่น

  • โครงการฝึกสติให้ผู้นำชุมชนประเทศต่าง ๆ

  • ปริญญาพุทธศาสนานานาชาติ

  • เครือข่ายวิจัยด้านสันติภาพร่วมกับต่างประเทศ

3.4 เครือข่ายวิชาการระดับโลก

สถาบันสมทบในต่างประเทศ เช่น

  • สถาบันฮ่องกงตุงลัมเพียวแลนด์

  • วิทยาลัยพุทธศาสตร์สิงคโปร์

  • วิทยาลัยพระพุทธศาสนาธรรมเกท (ฮังการี)

  • วิทยาลัยนานาชาติศรีลังกา

ล้วนสะท้อนบทบาท มจร ในการสร้าง “พุทธภูมิวิทยาลัยโลก” (Global Buddhist University Ecosystem)


4. กรณีศึกษางานประสาทปริญญา 6–7 ธันวาคม 2568: ภาพสะท้อนบทบาทสากลของ มจร

งานประสาทปริญญาปี 2568 มีพลังเชิงสังคม–ศาสนาอย่างน้อย 4 ด้าน

4.1 ความไว้วางใจจากสมเด็จพระสังฆราช

มีพระบัญชาแต่งตั้งผู้แทนพระองค์ถึงสองพระองค์ สะท้อน

  • ความสำคัญของงาน

  • ความเชื่อมั่นต่อ มจร

  • ตำแหน่งแห่งที่ของ มจร ในคณะสงฆ์ไทย

4.2 ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้เข้ารับปริญญา

ชาวต่างชาติจำนวนมากเข้าร่วมพิธี ทำให้มหาวิทยาลัยเป็น

  • พื้นที่สร้างปฏิสัมพันธ์ข้ามชาติพันธุ์

  • สัญลักษณ์การยอมรับระดับนานาชาติ

  • “เวทีสันติภาพเชิงวัฒนธรรม” (Cultural Peace Platform)

4.3 เศรษฐกิจจิตอาสาและการสนับสนุนจากสาธารณะ

มีญาติโยมออกโรงทาน บริจาคปัจจัย และร่วมแรงร่วมใจ บ่งชี้พลัง “สาธารณศรัทธา” ที่ มจร สั่งสมมายาวนาน

4.4 บทบาทมหาวิทยาลัยในฐานะผู้ให้บริการสาธารณะทางวิญญาณ

การจัดงานมีระบบรองรับผู้เข้าร่วมจำนวนมาก เป็นการบริหารแบบ

  • เมตตาธรรม

  • วินัย

  • ความรับผิดชอบต่อสังคม

สะท้อนคุณค่าการศึกษาพระพุทธศาสนาเชิงสาธารณะอย่างแท้จริง


5. บทสรุป: มจร กับอนาคตของการอนุเคราะห์สังคมโลก

บทความสรุปว่า มจร ไม่ได้เป็นเพียงสถาบันการศึกษาพระพุทธศาสนาของไทย หากแต่เป็น “พลังทางจิตวิญญาณระดับโลก” ที่ทำงานเพื่อสันติภาพ ศีลธรรม และความเป็นมนุษย์ ผ่านการศึกษา การวิจัย และการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง

ในยุคโลกาภิวัตน์ที่เต็มไปด้วยวิกฤต มจร มีศักยภาพ 4 ประการที่จะก้าวเป็นศูนย์กลางอนุเคราะห์สังคมโลก ได้แก่

  1. ความรู้เชิงพุทธที่ลุ่มลึกและเป็นสากล

  2. เครือข่ายนานาชาติที่กว้างขวาง

  3. ระบบการศึกษาผสมผสานระหว่างบรรพชิต–คฤหัสถ์

  4. การสร้างทุนเมตตาเพื่อยกระดับมนุษยชาติ

ดังนั้น มจร คือแบบอย่างของมหาวิทยาลัยศาสนาที่สามารถผสาน “ปัญญา–ความดี–สันติภาพ” เพื่อรับใช้สังคมไทยและสังคมโลกอย่างยั่งยืน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พลวัตการทำหน้าที่สส.ของดร.นิยม เวชกามา มิติศาสนจักรและการเมือง

รายงานฉบับนี้มุ่งศึกษาวิเคราะห์บทบาท หน้าที่ และพฤติกรรมทางการเมืองของ ดร.นิยม เวชกามา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร และอดีตแกนนำพรรคเพื...