บทนำ
บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์แนวคิดและบทบาททางด้าน พุทธจิตวิทยา ของ ดร.นิยม เวชกามา ว่าที่ผู้สมัครสส.สกลนคร เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาดังกล่าว โดยสำเร็จการศึกษาในระดับ พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พุทธจิตวิทยา) จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) นอกจากบทบาททางการเมืองในฐานะอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ดร.นิยม ยังได้นำหลักการพุทธจิตวิทยามาประยุกต์ใช้ในการศึกษาและปฏิบัติงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองและพระพุทธศาสนา
แนวคิดพุทธจิตวิทยาตามบริบทของ ดร.นิยม เวชกามา
พุทธจิตวิทยา เป็นการศึกษาจิตและพฤติกรรมมนุษย์ตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการดับทุกข์และการเข้าถึงความจริง พุทธจิตวิทยามุ่งเน้นการทำความเข้าใจธรรมชาติของจิต (เช่น ขันธ์ 5, อายตนะ, จิต, เจตสิก) และกลไกของพฤติกรรมที่นำไปสู่ความดีงามหรือความทุกข์ (เช่น กุศลกรรม, อกุศลกรรม, ไตรสิกขา)
การศึกษาของ ดร.นิยม เวชกามา ในสาขาพุทธจิตวิทยาได้ปรากฏอย่างชัดเจนในงานวิจัยระดับดุษฎีนิพนธ์ ชื่อเรื่อง "รูปแบบการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนชาวสกลนครตามแนวพุทธจิตวิทยา" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้หลักการทางพุทธศาสนาและจิตวิทยาเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมการเมืองของประชาชน
การประยุกต์ใช้พุทธจิตวิทยาในการเมืองและการพัฒนาสังคม
ดร.นิยม เวชกามา ได้นำเสนอการผสานหลักธรรมทางพุทธศาสนาเข้ากับการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะการเน้นหลักธรรมที่ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและสร้างสรรค์ เช่น:
สาราณียธรรม 6: เป็นหลักปฏิบัติสำหรับหมู่คณะที่เน้นความสามัคคีและความเข้าใจอันดีต่อกัน ประกอบด้วย เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม สาธารณโภคี สีลสามัญญตา และทิฏฐิสามัญญตา หลักการเหล่านี้ถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมความรักความเข้าใจและความจริงใจในการปฏิบัติกิจกรรมร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมทางการเมือง
การผสานกับจิตวิทยาสมัยใหม่: งานวิจัยของ ดร.นิยม ยังมีการกล่าวถึงการผสานหลักพุทธธรรมกับทฤษฎีจิตวิทยาตะวันตก เช่น ลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ เพื่อวิเคราะห์ความต้องการสูงสุดของบุคคลที่ต้องการความสำเร็จและพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับการพัฒนาการมีส่วนร่วมทางการเมืองให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ ในฐานะนักการเมือง ดร.นิยมยังเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการ อุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสถาบันศาสนาอันเป็นเสาหลักทางจิตใจและสังคมของประเทศ โดยใช้ความรู้ความเข้าใจจากพุทธจิตวิทยาในการทำงานด้านนี้
สรุปและข้อเสนอแนะ
การวิเคราะห์พุทธจิตวิทยากับ ดร.นิยม เวชกามา ชี้ให้เห็นว่า ดร.นิยมเป็นผู้ที่ใช้ความรู้ความสามารถทางพุทธจิตวิทยามาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์และเสนอแนะแนวทางการพัฒนาสังคมและการเมืองในเชิงบูรณาการ โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของหลักธรรมในการสร้างความสามัคคี ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในสังคมประชาธิปไตย
ข้อเสนอแนะสำหรับงานวิจัยต่อไป: ควรมีการศึกษาเจาะลึกถึงผลกระทบของการประยุกต์ใช้หลักพุทธจิตวิทยาตามแนวคิดของ ดร.นิยม ต่อการปฏิบัติงานทางการเมืองและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่จังหวัดสกลนคร หรือการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบระหว่างหลักการที่ ดร.นิยมนำเสนอกับแนวคิดพุทธจิตวิทยาในการพัฒนาการมีส่วนร่วมจากนักวิชาการอื่น ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น