สื่อถึงบทความนี้เป็นการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับการแข่งขันที่ดุเดือดในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาฬสินธุ์ เขต 6 ในปี พ.ศ. 2569 โดยมุ่งเน้นไปที่การปะทะกันระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีจุดสำคัญอยู่ที่การคาดการณ์การย้ายพรรคของผู้สมัครแชมป์เก่า นายประเสริฐ บุญเรือง แชมป์เก่า 8 สมัย อาศัยความแข็งแกร่งจาก บารมีส่วนตัว และ เครือข่ายการเมืองท้องถิ่น ที่ครอบคลุมทุกระดับ ซึ่งอาจดึงคะแนนเสียงส่วนใหญ่ติดตามไปแม้จะย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ ในทางกลับกัน ผู้ท้าชิงจากพรรคเพื่อไทย นายชนะวุธ อุทโท จะต้องพึ่งพา พลังของแบรนด์พรรค ที่มีฐานคะแนนบัญชีรายชื่อสูงในพื้นที่ รวมถึงภาพลักษณ์ของ คนรุ่นใหม่ ผู้มุ่งเน้นงานสาธารณประโยชน์เพื่อสร้างความนิยม การวิเคราะห์สรุปว่าชัยชนะจะขึ้นอยู่กับการชั่งน้ำหนักระหว่าง ความผูกพันกับตัวบุคคล ของแชมป์เก่า กับ พลังของกระแสพรรค และความต้องการ การเปลี่ยนแปลง ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
วิเคราะห์ชั่งน้ำหนักศึกชิง ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 6 เลือกตั้งปี 2569: เพื่อไทย VS ภูมิใจไทย
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะเขตเลือกตั้งที่ 6 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ อ.เขาวง อ.นาคู อ.กุฉินารายณ์ (บางส่วน) และ อ.ห้วยผึ้ง (บางส่วน) เป็นหนึ่งในสมรภูมิที่น่าจับตาอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีฐานการเมืองท้องถิ่นเข้มแข็ง และเป็นเขตที่พรรคเพื่อไทยสามารถรักษาเก้าอี้ไว้ได้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา (ปี 2566) การแข่งขันที่กำลังจะมาถึงในปี 2569 หากเกิดการเปลี่ยนขั้วของผู้สมัครแชมป์เก่า อาจนำไปสู่การปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่าง พรรคเพื่อไทย และ พรรคภูมิใจไทย บทความนี้จึงมุ่งวิเคราะห์และชั่งน้ำหนักปัจจัยสำคัญของผู้สมัครและพรรคการเมืองคู่แข่งในเขตนี้
1. แชมป์เก่าและฐานที่มั่น: นายประเสริฐ บุญเรือง (#บ้านใหญ่เขาวง)
นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส. แชมป์เก่า 8 สมัย (เป็น ส.ส. มาแล้วกว่า 24 ปี) คือปัจจัยหลักในการวิเคราะห์ โดยปัจจุบันสังกัดพรรคเพื่อไทย (ชนะการเลือกตั้งปี 2566 ด้วยคะแนน 44,002 คะแนน คิดเป็น 49.55% ในนามพรรคเพื่อไทย) แต่มีกระแสข่าวที่บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการย้ายไปสวมเสื้อพรรคภูมิใจไทยเพื่อลงสู้ศึกครั้งใหม่นี้
จุดแข็งและน้ำหนักการต่อสู้
บารมีและความเก๋าทางการเมือง (The Political Dynasty): นายประเสริฐเริ่มเป็น ส.ส. ตั้งแต่สมัยพรรคความหวังใหม่ และต่อเนื่องมาจนถึงพรรคเพื่อไทย แสดงถึงความมั่นคงและความเชื่อมั่นจากประชาชนในพื้นที่อย่างยาวนาน
ฐานการเมืองท้องถิ่นแข็งแกร่ง (Strong Local Political Base): ครอบครัว "บุญเรือง" สร้างเครือข่ายทางการเมืองท้องถิ่นที่ยากจะสั่นคลอน โดยมีลูกสาวเป็นนายกเทศมนตรีตำบลกุดสิม และลูกเขยเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ เครือข่ายนี้ครอบคลุมไปถึง อบต., กำนัน, และผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการฐานเสียง
การสนับสนุนจากมวลชน (Mass Support): การมีผู้เข้าร่วมงานวันเกิดนับพันคนทั้งนักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการ และประชาชน เป็นดัชนีชี้วัดที่ชัดเจนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและบารมีส่วนตัวที่ยังคงมีอิทธิพลสูง
สมมติฐานการย้ายพรรคสู่ภูมิใจไทย: หากนายประเสริฐย้ายไปพรรคภูมิใจไทยจริง น้ำหนักคะแนนที่ได้จะมาจาก คะแนนส่วนตัว (Personal Vote) และ ฐานการเมืองท้องถิ่น เป็นหลัก ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะดึงคะแนนฐานเดิมติดตัวไปกับพรรคใหม่ด้วย
2. ผู้ท้าชิงคนสำคัญ: นายชนะวุธ อุทโท (#อาจาร์ลิ้ง) จากพรรคเพื่อไทย
นายชนะวุธ อุทโท หรือ "อาจารย์ลิ้ง" เป็นผู้ท้าชิงที่ถูกจับตามองว่าจะต้องแบกรับภารกิจอันหนักอึ้งในการรักษาเก้าอี้ของพรรคเพื่อไทยในเขตนี้ไว้ให้ได้ ท่ามกลางกระแสการย้ายพรรคของแชมป์เก่า
จุดแข็งและน้ำหนักการต่อสู้
คลื่นลูกใหม่และภาพลักษณ์ (The New Generation & Image): อาจารย์ลิ้งเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง มีภาพลักษณ์ของความเป็นคน "ใจถึงพึ่งได้" และยึดมั่นในคำพูด เป็นคุณสมบัติที่มักได้รับความนิยมในพื้นที่ชนบท
ทุนและบทบาททางสังคม (Capital and Social Contribution): การเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท คชาวุธ 4289 อมูเลท จำกัด และเจ้าของร้านทองลิ้งกิมเฮง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านทุนทรัพย์ อีกทั้งยังมีบทบาทในการให้การสนับสนุนมูลนิธิช่วยเหลือสังคม ทั้งในกาฬสินธุ์และพื้นที่อื่น ๆ เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่หาดใหญ่ ซึ่งสร้างคะแนนความนิยมและความรักจากคนในพื้นที่
ความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณ (Spiritual Connection): การเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่มหาศิลา อาจส่งผลเชิงบวกต่อการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ที่เคารพศรัทธาหลวงปู่
พลังของพรรคเพื่อไทย (The Power of Pheu Thai Brand): ถึงแม้จะเสียแชมป์เก่าไป แต่พรรคเพื่อไทยยังคงมีฐานคะแนนบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ที่สูงในจังหวัดกาฬสินธุ์ (เลือกตั้งปี 2566 เพื่อไทยได้คะแนนบัญชีรายชื่อสูงถึง 42,272 คะแนนในเขต 6) ผู้ท้าชิงคนใหม่จึงสามารถดึงดูด คะแนนพรรค (Party Vote) และ คะแนนความต้องการการเปลี่ยนแปลง ผ่านสโลแกน "#ขอเปลี่ยนได้บ่"
3. สรุปการชั่งน้ำหนักและปัจจัยชี้ขาด
การเลือกตั้ง ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 6 ในปี 2569 จึงเป็นศึกที่น่าสนใจอย่างยิ่งระหว่าง อิทธิพลส่วนตัวผนวกกับฐานท้องถิ่น ปะทะกับ พลังของแบรนด์พรรคและกระแสความเปลี่ยนแปลง
| ปัจจัยเปรียบเทียบ | นายประเสริฐ บุญเรือง (ภูมิใจไทย) | นายชนะวุธ อุทโท (เพื่อไทย) | น้ำหนักการวิเคราะห์ |
| ฐานเสียงหลัก | เครือข่ายท้องถิ่น (อบต., กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน), คะแนนส่วนตัว (Personal Vote) | คะแนนพรรค (Party Vote), ผู้สนับสนุนรุ่นใหม่, เครือข่ายการกุศล | สูสี, ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการฐานท้องถิ่น |
| ความมั่นคง | ประสบการณ์ 8 สมัย, บารมีของตระกูล | คนรุ่นใหม่, ภาพลักษณ์สะอาด, สโลแกน "ขอเปลี่ยนได้บ่" | แชมป์เก่าได้เปรียบด้านความมั่นคง |
| พลังกระแสพรรค | ภูมิใจไทยมีคะแนนบัญชีรายชื่อต่ำในเขตนี้ (ปี 2566) | เพื่อไทยมีฐานคะแนนบัญชีรายชื่อสูง (ปี 2566) | ผู้ท้าชิงจากเพื่อไทยได้เปรียบด้านพลังพรรค |
| การระดมทุน/ช่วยเหลือสังคม | เน้นที่เครือข่ายท้องถิ่น | บทบาทสังคมกว้างขวาง, ทุนทรัพย์ส่วนตัว | ผู้ท้าชิงมีแต้มต่อด้านภาพลักษณ์การให้ |
บทสรุป
หากแชมป์เก่าอยู่เพื่อไทย: โอกาสชนะของนายประเสริฐจะสูงมาก เนื่องจากได้ทั้งคะแนนส่วนตัวและคะแนนพรรค
หากแชมป์เก่าไปภูมิใจไทย (ตามสมมติฐาน):
พรรคภูมิใจไทย (ประเสริฐ บุญเรือง): จะต้องอาศัยคะแนนจากฐานท้องถิ่นทั้งหมด เพื่อชดเชยคะแนนพรรคที่เคยเป็นของเพื่อไทย
พรรคเพื่อไทย (ชนะวุธ อุทโท): จะต้องเร่งสร้างการรับรู้และเปลี่ยนคะแนนพรรค (ที่เคยสนับสนุนแชมป์เก่า) และดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่/กลุ่มที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง ด้วยภาพลักษณ์ที่ดีและบทบาททางสังคมอย่างต่อเนื่อง
ชัยชนะในเขตนี้จะขึ้นอยู่กับว่า "ความผูกพันกับตัวบุคคล" ที่ผูกโยงกับฐานการเมืองท้องถิ่นของแชมป์เก่า จะมีพลังเหนือกว่า "กระแสพรรค" และ "พลังความเปลี่ยนแปลงของคนรุ่นใหม่" ที่นำโดยผู้ท้าชิงจากพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น